ส.ส.น่าน พท. ยก #ผนงรจตกม การเคลื่อนไหวนศ. สะท้อนความรู้สึกปชช. ถูกรบ. ริดรอนสิทธิเสรีภาพ ใช้ม.44 ยึดเหมืองอัครา เสียหาย เสียค่าโง่มหาศาล หวั่นซ้ำรอยเวเนซุเอลา ชี้ทางออก รัฐบาลต้องไม่มีชื่อ "ประยุทธ์" ถึงจะต่อรองค่าเสียหายได้
วันนี้ (25ก.พ.) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวยอมรับว่าสิ้นหวังที่จะเอาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะการลงคะแนนอยู่ในอาณัติมอบหมายผูกมัดไว้ แต่เรื่องที่จะอธิบายต่อไปนี้เกี่ยวกับตัวบุคคล โดยเฉพาะการเข้าสู่อำนาจของพลเอกประยุทธ์ การใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ความไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ การใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม ออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อแสวงหาประโยชน์และอยู่ในอำนาจต่อไป พร้อมยกแฮชแท็ก #ผนงรจตกม ที่ประชาชนสะท้อนถึงการใช้อำนาจของพลเอกประยุทธ์ที่มีลักษณะเผด็จการ ละเมิดอำนาจอธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน และแฮชแท็กไปจนถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิเสรีภาพ จึงขอให้เพื่อนสมาชิกมีมโนสำนึก ร่วมกันลงมติไม่ไว้วางใจ
นายแพทย์ชลน่าน ยังอภิปรายถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. เมื่อเดือนเมษายนปี 2558 ยึดกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ของครูกว่า 13,000 กว่าล้านบาท จากทั้งหมด 2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการฮุบเงินครูกลับเข้าเป็นของรัฐ ทั้งที่ไม่ใช่เงินของรัฐ กระทบสวัสดิการครูทั้งประเทศ , กรณีข้อพิพาทระหว่างบริษัทคิงส์เกตคอนโซลิเดเต็ดกับราชอาณาจักรไทย ที่เกิดความเสียหายจากการตัดสินใจพลเอกประยุทธ์ ออกคำสั่งฮุบเหมืองทองชาตรีของบริษัทอัครารีซอร์สเซส บริษัทลูกของคิงส์เกตคอนโซลิเดเต็ด เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 เป็นเหตุให้คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของคิงส์เกตคอนโซลิเดเต็ดฟ้องข้อพิพาทกับราชอาณาจักรไทย เนื่องจากขัดต่อข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย โดยวันที่ 3 ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการพิจารณาคดีนี้ที่ประเทศสิงคโปร์ และกำลังจะเขียนคำตัดสินให้ราชอาณาจักรไทยชดใช้ความเสียหายอีกประมาณ 6 ถึง 7 เดือน ซึ่งคาดการณ์ว่ามีค่าใช้จ่ายมหาศาล
นายแพทย์ชลน่าน อภิปรายชี้แจงต่อว่า อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศขององค์การการค้าโลก หรือ WTO เป็นไปตามสนธิสัญญาว่าด้วยอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งพิจารณาข้อพิพาทโดยยึดถือตามกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งกรณีข้อพิพาทนี้รัฐต้องรับผิดชอบ หาคดีและถูกตัดสินให้ทำตามคณะอนุญาโตตุลาการ ต้องจ่ายค่าประกันความเสี่ยงภัยทางการเมือง 200 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา จ่ายค่าฝ่าฝืนยึดโอนกิจการเป็นของรัฐ จ่ายชดเชยค่าอ้างสิทธิ์ความเสียหายฝ่าฝืนข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งมีการประมาณการเบื้องต้นเกี่ยวกับมูลค่ากิจการกว่า 40,000 ล้าน จ่ายค่าดอกเบี้ย ค่าเสียโอกาส ค่าธรรมเนียมอนุญาโตตุลาการทั้งสองฝ่าย ค่าทนายไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท จึงเกิดคำถามว่าพลเอกประยุทธ์จะรับผิดชอบอย่างไร แม้พลเอกประยุทธ์จะประกาศว่ารับผิดชอบเอง แต่เป็นความรับผิดชอบของราชอาณาจักรไทย ทำให้เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้าทั้งในและนอกประเทศ ต่อให้ประกาศรับผิดชอบเองก็รับผิดชอบไม่ได้
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า มีอย่างน้อย 2 กระทรวงที่คัดค้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกระทรวงการต่างประเทศ แต่ไม่ฟังและออกคำสั่งจนเกิดเรื่อง เพราะคำสั่งที่ออกมาไม่สมเหตุสมผล เป็นการออกคำสั่งโดยไม่ใช้กฎหมายปกติ โดยเปิดโปงขบวนการฮุบเหมืองทอง ที่มีพลเอกอักษรย่อ ว. ซึ่งใกล้ชิดกับพระเอกประยุทธ์ มีพฤติกรรมอยากได้เหมืองทองชาตรี และบุคคลอักษรย่อ ช. ญาติ พลเอก ว. พยายามไปเจรจาซื้อหุ้น และยังมีอดีตประธานบอร์ดของบริษัทอัครา ลาออกก่อนจะปิดเหมืองด้วยคำสั่งตามมาตรา 44 มามีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงตั้งข้อสังเกตว่านำไปสู่การออกคําสั่งหรือไม่ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ประเทศต้องเสียเงินจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศเวเนซุเอลา ต้องเสียค่าโง่กรณีมีคำสั่งปิดเหมืองเช่นเดียวกัน แต่ทางออกมีทางเดียวคือ รัฐบาลชุดนี้ต้องไม่มีคนชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ถึงจะมีโอกาสเจรจาให้สูญเสียน้อยที่สุด
ระหว่างนายแพทย์ชลน่านอภิปราย ยกว่าดวงของพลเอกประยุทธ์ กำลังทำลายดวงเมือง ทำให้นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่าอภิปรายนอกประเด็น โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแนะนำว่า เรียนจบวิทยาศาสตร์มาไม่ควรพูดถึงดวง โดยนายแพทย์ชลน่านสรุปว่า หากยังไว้วางใจให้พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศอยู่ จะเกิดความวิบัติกับราชอาณาจักรไทย แม้จะไม่ได้ไปเพราะ ส.ส. ในสภา แต่ก็ต้องไปด้วยอำนาจของประชาชน และจะเดินอย่างไม่มีความสุขที่สุดในชีวิต