ปธ.ผู้ตรวจฯ นำคณะจัดสัมมนาฉลองครบ 20 ปี ชี้ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน เผย 99% หน่วยงานรัฐให้ความร่วมมือมากขึ้น พร้อมลงนามความร่วมมือทวิภาคีผู้ตรวจฯนิวซีแลนด์ คุ้มครองประโยชน์คนสองประเทศ
วันนี้ (11 ก.พ.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกันเปิดงานเวทีสัมมนาวิชาการนานาชาติเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี การก่อตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน โดย พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า การจัดงานในวันนี้ทางผู้ตรวจการฯได้เชิญผู้ตรวจการแผ่นดินจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา จึงมีบางประเทศที่มีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางเลยไม่ได้มาร่วมงาน ทำให้วันนี้มีผู้ตรวจการแผ่นดินจากต่างประเทศมาร่วมงาน จำนวน 11 คน
ทั้งนี้ หัวข้อการสัมมนา “ผู้ตรวจการแผ่นดินในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง : ปรับตัวอย่างไรกับความท้าทายที่เกิดขึ้น” ถือว่าเป็นการตั้งหัวข้อที่เหมาะสม เนื่องจากเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงการปรับตัวเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ที่นอกจากเทคโนโลยีไอทีแล้ว ผู้สื่อข่าว สื่อมวลชนโซเชียลมีเดียก็เป็นส่วนหนึ่งของแง่บวกและแง่ลบของการเปลี่ยนแปลงนี้เหมือนกัน รวมทั้งเรื่องของการคุกคามผู้ตรวจการแผ่นดินจะป้องกันอย่างไร เพราะว่าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ว่าจะอยู่ในสำนักงานหรือนอกสำนักงาน ต้องไม่ถูกคุกคามเรื่องความเป็นอิสระ การใช้งบประมาณ และการตรวจสอบ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นหลักประกันหนึ่งที่ดำเนินการไว้ซึ่งความกล้าหาญ สุจริต เที่ยงธรรม ขององค์กรผู้ตรวจแผ่นดิน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินเคยถูกคุกคามหรือถูกแทรกแซงหรือไม่ พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า สำหรับที่ประเทศไทยไม่มี รัฐบาล รัฐสภา ส.ส. หรือ ส.ว. ให้ความเชื่อมั่นในองค์กรผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่องงบประมาณหากมีเหตุมีผลท่านให้การสนับสนุนเต็มที่ เรื่องของการออกคำวินิจฉัย ข้อเสนอแนะ ช่วงปีหลังๆ ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐให้ความร่วมมือมากขึ้นถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 1 เปอร์เซ็นต์ยังมีเพียงบางหน่วยงานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าหน่วยงานรัฐสนับสนุนร่วมมือใช้กฎหมายและหลักนิติธรรมไปพร้อมกันก็จะช่วยทำให้ประชาชนเกิดความผาสุขและเกิดประโยชน์ส่วนรวมกับประเทศชาติ
ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวด้วยว่า ในการสัมมนาครั้งนี้ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้มีการลงนามความร่วมมือทวิภาคีกับประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ 8 จากที่ก่อนหน้านี้ลงนามไปแล้วกับ 7 ประเทศ โดยครั้งนี้จะลงนามกับนายปีเตอร์ เอฟ. โบเชียร์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนร่วมกันที่อาศัยอยู่ในระหว่างทั้งสองประเทศ พัฒนาช่องทางการร้องเรียนและยกระดับวิชาชีพของผู้ตรวจการแผ่นดินในภูมิภาคแปซิฟิก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจัดตั้งเวทีผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อว่า South East Asian Ombudsman Forum (SEAOF) เพื่อสร้างแนวร่วมการบูรณาการการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐระหว่างประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน โดยคาดว่าจะมีการลงนามความร่วมมือร่วมกันในเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนขององค์กรผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมิได้มุ่งให้ความเป็นธรรมหรือดูแลเฉพาะประชาชนในประเทศไทยเท่านั้น ได้ให้ความสำคัญดูแลซึ่งกันและกันกับประชาชนของเพื่อนบ้านที่พำนักในประเทศไทยด้วย
