xs
xsm
sm
md
lg

“สมพงษ์” เตือนรัฐบาลอย่าคิดบิดเบือนแก้ปมเสียบบัตรแทน หวั่นซ้ำเติมเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่นประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
“สมพงษ์” หน.เพื่อไทย ซัด “ส.ส.รัฐบาล” กดบัตรแทนกัน ทำเศรษฐกิจ-บรรทัดฐาน กม.เสียหาย ดักคอรัฐบาลแก้ปัญหาตรงไปตรงมา อย่าบิดเบือนการตีความ จนกระทบกระบวนการยุติธรรม-ความเชื่อมั่นประเทศ

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีกดบัตรแทนกันของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่อาจส่งผลให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 อาจเป็นโมฆะ ว่า สะท้อนให้เห็นผลกระทบที่สำคัญ 2 ด้าน ทั้งทางด้านความเสียหายต่อเศรษฐกิจประเทศ และความเสียหายต่อบรรทัดฐานของการตีความกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในสังคม เนื่องจากการเสียบบัตรแทนกันครั้งนี้ เป็นการลงมติเพื่อเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาที่ถูกตั้งคำถาม เกี่ยวกับความชอบในการตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ อันจะส่งผลให้เกิดความล่าช้าของการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งจะส่งผลต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ ที่กระทบต่อเงินลงทุนของประเทศอย่างหนัก จึงนับเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ประเทศต้องการการขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐ ซึ่งถือเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจขณะนี้ ซึ่งความล่าช้านี้ยังจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง และสร้างความชะงักงันต่อเศรษฐกิจประเทศ

“ในความเห็นของผม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมในสังคมอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากบรรทัดฐานในอดีตที่เราสามารถเทียบเคียงได้อย่างชัดเจนว่าการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้มีกระบวนการตราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นโมฆะได้” นายสมพงษ์ ระบุ

นายสมพงษ์ระบุต่อว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเฝ้าจับตามองว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะคลี่คลายอย่างไร การบิดเบือนหรือการตีความใดๆ ในขณะนี้ ที่ต่างออกไปจากข้อสรุป และความเชื่อที่สังคม มีอยู่ น่าจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมที่กำลังมีข้อกังขาอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น กระบวนการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป ทุกองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องยึดมั่นในหลักการตามกฎหมาย และตามบรรทัดฐานที่ถูกต้องที่เคยมีมาในอดีต เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเคลือบแคลงและบั่นทอนต่อความเชื่อมั่นต่อระบบรัฐสภาไทย และต่อระบบกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมไทย

“สิ่งที่เป็นข้อพึงระวังคือ ทุกฝ่ายต้องไม่คิดแก้ไขปัญหา แค่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพียงเพื่อให้ พ.ร.บ.งบประมาณผ่านไปได้ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายอย่างรุนแรงในอนาคตที่จะเกิดขึ้น และหวังว่าผู้ที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนเพื่อน ส.ส.ที่ฝากบัตรให้เพื่อนเสียบแทน หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีสมาชิกกระทำผิด ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะรัฐมนตรี ตลอดจนองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ต้องตระหนักถึงภาระความรับผิดชอบที่สำคัญนี้ ไม่ปล่อยให้ปัญหานี้จบลงด้วยวิธีการที่สร้างความเคลือบแคลงใจกับคนในประเทศ และทำลายความเชื่อมั่นของนานาประเทศ เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่าน อย่าให้ประเทศเราต้องบอบช้ำไปมากกว่าที่เป็นอยู่เลย” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุในตอนท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น