โฆษกรัฐบาล แถลง ครม.รับทราบรายงานแผนปฎิรูปประเทศ วงรอบ ก.ค.-ก.ย.คืบหน้า 5 ด้าน "บิ๊กป้อม" รายงานสถานการณ์ภัยแล้งครม.พบ 4 พันหมู่บ้านเสี่ยง นายกกำชับ เตรียมความพร้อมรับมือ
วันนี้ (24 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ บัญญัติให้ครม.ต้องแจ้งความคืบหน้าต่อรัฐสภาทุก 3 เดือน โดยสศช.รายงานว่า รอบระหว่างเดือนก.ค. – ก.ย.นี้ มีความคืบหน้า 5 ด้าน คือ 1.ด้านกฎหมาย มีการจัดทำอนุบัญญัติภายใต้พ.ร.บ.หลักเกณฑ์ และการจัดทำร่างกฎหมายประเมินผลสัมฤทธิ์ ของกฎหมายปี 62 เสร็จเรียบร้อยแล้ว. 2 .ด้านกระบวนการยุติธรรม มีการจัดหาทนายความประจำทุกสถานีตำรวจ โดยสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) 3 .ด้านเศรษฐกิจ มีการใช้แนวทางในการดึงแรงงานนอกระบบ เข้ามาในระบบรวมถึงเกษตรกรให้เข้าสู่ระบบประกันสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงแรงงาน
นางนฤมล กล่าวต่อว่า 4.ด้านพลังงาน มีการดำเนินงานโครงการโรงงานประหยัดพลังงาน โดยกระทรวงพลังงานรวมถึงการจัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพหม้อน้ำ ระบบความร้อน และระบบไอน้ำสำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล และ5.ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ได้ดำเนินโครงการยกระดับ และประเมินคุณธรรม และความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ และโครงการดำเนินงานคุณธรรมโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐประจำปี 62 เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นางนฤมล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการรายงานกิจกรรม ภายใต้แผนปฏิรูป 4 กลุ่ม 1.กิจกรรมที่แล้วเสร็จมีทั้งหมด 196 กิจกรรม หรือร้อยละ 16. 2.กิจกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผน 759 หรือร้อยละ62 3 .กิจกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน แต่ล่าช้าไปกว่าแผน 237 กิจกรรม ร้อยละ 19 และ 4 .กิจกรรมที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 37 กิจกรรมหรือร้อยละ 3 และมีการรายงานกฎหมายภายใต้แผนงานปฏิรูปประเทศ 216 ฉบับ ว่ามีความคืบหน้าในการออกกฎหมาย ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว 48 ฉบับ เช่น พ.ร.บ.เจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม เป็นต้น
นางนฤมล ยังกล่าวว่า ในที่ประชุมครม.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานสถานการณ์ภัยแล้ง ว่า มีหมู่บ้านที่เสี่ยงต่อสถานการณ์ภัยแล้งจำนวน 4,132 หมู่บ้าน โดยใน 1,270 หมู่บ้าน ถือว่ามีสภาวะเสี่ยงต่อการขาดน้ำอย่างรุนแรง จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามแผนรับมือสถานการณ์ภัยแล้งอย่างเคร่งครัด และให้ดูแลช่วยเหลือประชาชนตามทุกมาตรการที่กำหนดไว้อย่างทั่วถึงและครอบคลุม
นางนฤมล กล่าวต่อว่า ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวเสริมว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการทุกมาตรการ ทั้งการขุดบ่อบาดาล การพิจารณาแหล่งน้ำต้นทุน เพราะประเทศไทยยังใช้น้ำฝนเป็นแหล่งน้ำตนทุนเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังเสนอให้พิจารณาแหล่งน้ำรีไซเคิล และมาตรการเสริมอื่นๆ ที่จะช่วยเกษตรกรในพื้นที่เพราะปลูกที่ไม่สามารถปลูกพืชได้ เนื่องจากขาดน้ำ ว่าจะมีการส่งเสริม และสนับสนุนอย่างไรบ้าง หรือจะมีอาชีพเสริม และการจ้างงานเพิ่มอย่างไร