"ประยุทธ์" จวก หลายคนชอบสร้างความขัดแย้งอ้างแต่สิทธิเท่ากัน ขอลดขัดแย้ง ยันตั้งสถาบันต่างชาติไม่ใช่ให้ใครยึดครองประเทศ ชี้วันนี้ต้องไปสงสารตัวเองมากขึ้น เพราะตายไปไม่มีใครสงสาร ย้ำเป็นนายกฯ คนเดิม ไม่เปลี่ยนแค่สถานการณ์เปลี่ยน
วันนี้ (23ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องแกนด์ ไดมอนด์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐ เข้าร่วม โดยนายกฯกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า หลายคนชอบไปสร้างความขัดแย้งจากความไม่เข้าใจ โดยเฉพาะที่ว่าทุกคนจะต้องมีสิทธิเท่ากัน ถ้ามัวแต่คิดอย่างงี้ก็ไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในการจัดทำงบประมาณปี 2564 ขอให้ทุกคนไปดูแลและจัดลำดับความสำคัญ ไม่ใช่ทำโครงการแล้วแต่เกิดขึ้นจริงไม่ได้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าภาคใต้ ต้องมีความระมัดระวัง และเห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะการทำงานในพื้นที่ที่ยากลำบากนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องฟังเจ้าหน้าที่ แม้ประชาชนจะต้องเดือดร้อนบ้าง แต่เมื่อพื้นที่ไม่ปลอดภัยก็ต้องระมัดระวังตัวเอง เราต้องใช้กฎหมายอย่างระมัดระวัง มีความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน เราต้องมีทหารไว้ดูแลทั้งตามแนวชายแดน แนวประเทศ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีการรุกล้ำ เพราะชายแดนเราไม่มีรั้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ใช้หลักเขต เมื่อก่อนใช้ไม้ บางอันก็หายไป ทุกวันนี้ยังมีปัญหาในการเจรจา ถ้าไม่มีทหารไปเฝ้าหลักเขตเหล่านี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องเกิดความขัดแย้งและทะเลาะกัน นี่คือความจำเป็นที่เราจะต้องมีทหารอยู่ และจำเป็นต้องมีชั้นพลทหารอยู่ด้วย ส่วนจะใช้ผิดหรือถูกหน้าที่ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งในกองทัพเรามีพลทหารเกือบ 4 แสนนายที่เหลือเป็นระดับสูงขึ้นมา จึงขออย่าให้มีใครมาบิดเบือน วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเราต้องปรับตัว ต้องมีความพร้อมในเรื่องของบุคลากร และต้องย้อนกลับไปดูระบบการศึกษา รวมทั้งนอกระบบในกศน.ก็ต้องไปดู และที่คนต้องไปเรียนกศน.ก็เพราะมีความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ และตนได้มอบนโยบายให้พลทหาร ไปเรียนกศน.ในค่ายทหารด้วย เพราะจบออกมาสามารถเลื่อนวุฒิได้ รวมทั้งการอบรมวิชาชีพต่างๆ
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการเกษตรเราต้องลดการใช้สารเคมีลงให้ได้ โดยต้องหาวิธีการที่ปราศจากความขัดแย้ง และเร่งดำเนินการให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และยืนยันว่าเราต้องลดปัญหาในเรื่องนี้ให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องไปยึดเอาแบบต่างประเทศทั้งหมด เพราะเขาก็ดูเรา เราก็ดูเขา แต่เราต้องลดละเลิกในเรื่องสารเคมีลง นอกจากนี้ เราต้องใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งสำคัญ ทุกคนต้องขึ้นทะเบียนเพื่อที่จะได้รับช่วยเหลือเป็นเงินงบประมาณจากรัฐบาล ไม่ต้องกลัวว่าการขึ้นทะเบียนแล้วจะทำให้เสียภาษี จะกลัวอะไรกันหนักหนาเรื่องเสียภาษี ทั้งนี้ ก็ต้องช่วยรัฐบาลกันบ้าง ถ้าช่วยได้ แต่ถ้าช่วยไม่ได้ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรีดภาษี หรือรีดเลือดจากปูจากพวกท่านอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มีเงินไปทำอะไรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องมีความชัดเจนในการตั้งโรงงานต่างๆ ว่าต้องมีแรงงานไทยกี่เปอร์เซ็นต์ และคนงานต่างประเทศจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งระยะแรกอาจจำเป็นต้องใช้เกี่ยวกับนักวิจัย วิศวกรต่างๆ แต่ต้องมีสัดส่วนคนไทย ต้องมีการผสมผสานไม่ใช่กล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ดูแลให้คนต่างชาติมายึดครองประเทศ มันไม่ใช่ แบบนั้นใครจะยอมในเรื่องนี้ ดังนั้น เราต้องให้ความสำคัญกับการศึกษา เพราะวันข้างหน้าเราต้องใช้แรงงานไทยทั้งประเทศอยู่แล้ว เพราะแรงงานต่างด้าวก็ต้องกลับประเทศของเขา ส่วนที่ต้องมีสถาบันวิจัยต่างชาติเข้ามา เช่น สถาบันโคเซ็นของญี่ปุ่นมาตั้งในไทย เข้ามานั้นไม่ใช่ให้เขามายึดครองประเทศ ไม่ใช่พอได้ยินชื่อจีน ญี่ปุ่นก็วิจารณ์กันเลยว่านายกฯประยุทธ์ ปล่อยให้มีการยึดครองประเทศ มันไม่ใช่ เป็นเพียงให้เขามาทำงานให้เรา เป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันและการปรับตัว ถ้ามัวแต่คิดแบบนี้ มันก็เป็นความคิดที่ไม่ชอบกันมากกว่า จะอย่างไรก็ไม่ชอบ ตนก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร แต่วันนี้คนไทยจะชอบประเทศไทยมันไม่ได้ เราต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรประเทศจะไม่อ่อนแอลง ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีและเครื่องจักรมากเกินไป วันนี้ยืนยันว่ารัฐบาลยังมีเงินอยู่ แต่บางคนอาจจะไม่มี ทำให้มีคนไปหาประโยชน์จากคนเหล่านี้ ซึ่งเราก็ต้องดูแลคนที่ไม่มีรายได้ มักอยู่ที่บ้านไม่มีงานทำ และผู้สูงอายุ
นายกฯ กล่าวอีกว่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ จะต้องไม่มีถนนขนาดใหญ่เข้าไป ไม่มีการขยายถนนเรื่อยเปื่อยเข้าไปในป่า เพื่อไปดูสัตว์ป่า เช่น กระทิง เรื่องนี้ตนไม่เข้าใจ ทุกคนรู้ว่ากฎหมายอยู่ตรงไหน แต่ก็จะทำเสียอย่าง ใครจะทำไม ขอถามว่าแล้วข้าราชการไปอยู่ตรงไหน ทำไมปล่อยให้คนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายได้ ขอให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ รู้ดีว่าแรงกดดันมีมาก ทั้งผลประโยชน์และเรื่องผู้มีอิทธิพล ตนขี้เกียจจะพูดถึง คนดีมีมากร้อยละ 90 แต่คนจะหาเงินก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง เราต้องเอาออกไปให้ได้ เอาออกไปให้หมดโดยเร็ว น่ารำคาญคนเหล่านี้ มันไม่จบเสียที โดนด่ากันทั้งวัน สุดท้ายนายกฯก็โดนด่า โกงกันตรงไหนก็ไม่รู้นายกฯโดนด่า ก็ไม่เป็นธรรมกับตน จึงต้องใช้วิธีการของตน ก็ต้องคัดออก แพ้ก็คัดออก ไม่เอาไว้ ลงโทษติดคุก
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของการครอบครองที่ดินต่างๆ พยายามให้เขาปรับเปลี่ยนมาใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ก็ยังมีปัญหาติดขัด ไม่เลิกกันเสียที ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจร่วมกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งและตามไปในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ก็มีผลกระทบตามมา เราจะต้องสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นเพื่อที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปพร้อมกัน รวมทั้งการสร้างความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย ซึ่งพูดมาหลายครั้งแล้วในเรื่องของกองทุนยุติธรรม ก็ยังมีคนมาพูดว่าคนรวยเอาไปใช้ประโยชน์ คนจนก็ติดคุก คนรวยไม่ติดคุก ซึ่งมันไม่ใช่ รัฐบาลพยายามสร้างโอกาสให้กับทุกคน ให้เกิดความเท่าเทียม แต่สิ่งสำคัญทุกคนต้องไม่ทำความผิด อย่าอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่รู้กฎหมาย ไม่ควรจะมีแล้วในประเทศนี้ ทุกคนควรรู้กฎหมายพื้นฐาน ประเทศเราจะขาดวินัยไม่ได้ วันนี้เราต้องสร้างความภูมิกันและจริยธรรมให้กับเด็กและสังคม เพราะถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพราะวันนี้เห็นได้ว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายกันมาก ทั้งเด็กแว้น และการทำในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ต้องยอมรับว่าปัญหาอยู่ที่การศึกษาด้วยที่ไม่ได้สอนให้คนเป็นคนดี ถ้าสอนแบบวิชาการอย่างเดียวก็ได้แบบนี้ อย่าไปหวังอย่างอื่น คุณธรรม จริยธรรมหายไปไหนก็ไม่รู้ ก็ต้องมีครูช่วยกันปรับปรุงและแก้ไขด้วย
“ผมชื่นชมคนเป็นครูอยู่แล้ว กลับไปบ้านก็นับถือครูอยู่ตลอดเวลา เพราะแม่ก็เป็นครู ภรรยาก็เป็นครู ผมไปดูถูกคนเป็นครูไม่ได้ แต่ถ้าครูไม่ดีก็ต้องว่ากัน เพียงแต่อย่าไปยุ่งกับการเมืองมากนัก วันนี้เราต้องสอนเด็กให้รู้จักคิด ไม่เช่นนั้น พูดไปเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ เพราะคิดไม่เป็น เราต้องสอนคนให้คิดให้เป็น คนไทยไม่โง่ฉลาดทุกคน เพียงแต่เราต้องหาวิธีการให้เขาคิดให้เป็น เพราะถ้าคิดไม่เป็น หรือคิดไม่ได้ ก็จะทะเลาะกันอยู่แบบนี้ แล้วจะไปโทษใคร สุดท้ายก็โทษนายกฯ ก็แล้วกัน ไม่มีอะไรนายกฯ ก็ต้องรับทั้งหมด วันนี้ต้องรู้จักคิดและวิเคราะห์ให้ได้ ไม่ใช่อ่านแต่ตำราเพียงอย่างเดียว ต้องกล้าฝันและทำให้เป็นจริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า วันนี้เราทำอย่างไรถึงจะช่วยลดความขัดแย้งลงให้ได้ อย่าเอาความชอบ หรือไม่ชอบตัวบุคคล มาทำให้สิ่งต่างๆ ที่ต้องทำเกิดความเสียหาย ท่านไม่ชอบตนแต่ก็ต้องทำงานให้กับพื้นที่และประชาชนของตนเอง ท่านเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เป็นส.ส. ต้องทำสิ่งที่ดีให้กับคนในพื้นที่ และต้องยึดมั่นในหลักการ ไม่เช่นนั้นก็ไปกันไม่ได้ทั้งหมด เราต้องแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวมให้ได้ มีการละอายต่อการกระทำความผิด ไม่เพิกเฉยหรือทนกับการทุจริต และการกล่าวหาต่างๆ ต้องมีหลักฐาน เราต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบ วันนี้อย่าคิดว่าเราไปทำร้ายพวกท่าน แต่เรารักและต้องการจะช่วย เพื่อไม่ให้คนถูกดำเนินคดี เพราะวันข้างหน้าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ จะถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น
“วันนี้ขอร้องว่าอย่าหงุดหงิดกับผมเลย เพราะผมก็ไม่เคยหงุดหงิดกับพวกท่าน ผมหงุดหงิดกับตัวเองเสียมากกว่า ระยะหลังผมโกรธใครไม่ได้ เพราะถ้าผมโกรธคนอื่นมากๆ ผมตายเปล่า และไม่มีใครสงสารผมอยู่แล้ว จึงต้องหันกลับมาสงสารตัวเองดีกว่า โดยการทำให้ตัวเองไม่หงุดหงิด บ้างครั้งเสียงดังบ้างแต่ไม่ใช่หงุดหงิด แต่ผมก็เป็นมนุษย์ สถานการณ์ไหนที่เขามีความสุขกัน ผมจะไปนั่งหน้างออยู่ได้อย่างไร บางคนก็บอกว่านายกฯ เปลี่ยนไป จะเปลี่ยนได้อย่างไร แต่เป็นเพราะสถานการณ์มันต่างกัน ไม่ใช่จะให้นายกฯ หน้ามู่ทู่อยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่ บางโอกาสต้องสดชื่นรื่นเริงกันบ้าง ว่ากันไป สถานการณ์ไหนเป็นจริงเป็นจังก็อีกเรื่อง เพราะเป็นคนละบทบาท คนละเวลา คนละหน้าที่ ต่างคนต่างช่วยกันรักษาใจให้กันและกัน วันนี้คนไทยต้องช่วยกัน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทยไปด้วยกันในการเดินหน้าประเทศเพื่อลูกหลานในอนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว