“ส.ว.พีระศักดิ์”แนะ กมธ.ศึกษาแก้ไข รธน.เริ่มต้นด้วยเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านมากที่สุดก่อน อย่าเอาแต่ความต้องการส่วนตัวมาชนะคะคานกัน ชี้หยิบกุญเเจไม่ถูกดอกตั้งเเต่ต้น จะสูญเปล่าตั้งเเต่ประตูบานเเรก
วันนี้(19 ธ.ค.) นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อดีตรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้เเทนราษฎรมีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 จำนวน 49 คน ภายในกรอบเวลาพิจารณา 120 วันว่า การศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่เช่นนั้นกรอบเวลาการศึกษาแก้ไขที่มี 120 วันจะสูญเปล่า เพราะเท่าที่ดูรายชื่อกรรมาธิการฯ จากสัดส่วนของแต่ละพรรคการเมืองนั้น ล้วนมีความรู้ความสามารถและเป็นที่ยอมรับทั้งสิ้น แต่หากมีการขับเคี่ยวกันในเนื้อหาสาระ จะต้องฟังเสียงของชาวบ้านเป็นหลัก ไม่ควรยึดประโยชน์เเค่เฉพาะความต้องการจากสัดส่วนของพรรคหนึ่งพรรคใด หรือคนใดคนหนึ่งมาเป็นตัวตั้ง เพื่อที่จะเอาชนะคะคานกันในกรรมาธิการฯ ไม่เช่นนั้นจะเข้าตำราคนใช้ไม่ได้ร่าง คนร่างไม่ได้ใช้ และรังเเต่จะเกิดความขัดเเย้ง ประเทศชาติก็จะไม่เดินหน้า
นายพีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ ส.ส.วิพากษ์วิจารณ์ที่มาและอำนาจหน้าที่ของ ส.ว.ว่า ควรถูกรื้อและแก้ไขนั้น ตนมองว่า เเม้วันนี้จะอยู่แค่ในขั้นตอนการศึกษาแนวทางแก้ไขก็ตาม แต่หากมีการแก้ไขเรื่องที่มาและอำนาจ ส.ว.จริงๆ เชื่อว่า ส.ว.แต่ละคนไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่งอยู่แล้ว และพร้อมทำตามความต้องการที่สะท้อนจากเสียงของประชาชนหากเห็นว่าเป็นช่องทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แต่ขอเเนะนำว่า การศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ล็อกกลอนเอาไว้อยู่หลายด่าน ต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้านมากที่สุดก็ควรเริ่มจากจุดนั้น หากเลือกหยิบกุญเเจไม่ถูกดอกตั้งเเต่ต้น จุดมุ่งหมายจะติดล็อค และสูญเปล่าตั้งเเต่ประตูบานเเรก