xs
xsm
sm
md
lg

"ไทยคู่ฟ้า"แจงคำขวัญวันเด็กจากนายกฯ ชวนช้อปงานโอท็อปซิตี้-ร่วมวิ่งตามรอยสงครามเก้าทัพ-เปิดถนนคนเดิน 15 ธ.ค.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจ"ไทยคู่ฟ้า" เปิดคลิปเอ็กซ์คลูซีฟ โฆษกแจงข้อคิดคำขวัญวันเด็กจากใจ "ลุงตู่" ฝากถึงเด็กไทยยุคใหม่ "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย" พร้อมเชิญชวนไป “ชิม ช้อป ใช้”งาน OTOP City 2019 ล็อกวัน 15 - 23 ธ.ค.นี้เท่านั้น นักวิ่งไม่ควรพลาดงาน SIAM TRAIL 13-15 ธ.ค.นี้ วิ่งตามรอยสงครามเก้าทัพ-ทัวร์ประวัติศาสตร์ท่องธรรมชาติที่ จ.กาญจนบุรี ดีเดย์ 15 ธ.ค.นี้ นายกฯ ประธานเปิดงาน "ถนนคนเดิน" กระตุ้นเที่ยวไทย ประเดิม เยาวราช สีลม ข้าวสาร ก่อนขยายผลไปทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2562 ในรายการ Government Weekly จัดขึ้นทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ผ่านทางเพจ “ไทยคู่ฟ้า”สัปดาห์นี้ได้เปิดคำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2563 "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย" พร้อมสรุปผลงานของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดำเนินรายการโดย นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มสื่อสารเชิงกลยุทธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

เริ่มต้นรายการด้วยการประมวลภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

ฉลุย! ขึ้นค่าแรง - ประกันราคาข้าวโพด


นอกจากนี้รายการ Government Weekly สรุปภารกิจสำคัญในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี และ มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่น่าสนใจ ภารกิจเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบเงินค่าเวนคืนที่ดินเพื่อเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนในโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองฯ จำนวนทั้งสิ้น 10 ราย วงเงิน 99.91 ล้านบาท พร้อมตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองฯ ระยะทางรวม 96 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกับภาคตะวันตก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ให้เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน


ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านคอร์รัปชัน ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต" เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำทางการเมืองร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่องและเพื่อให้ประชาชนชาวไทยและนานาประเทศ ทราบถึงการดำเนินการต่อสู้กับปัญหาการทุจริตของประเทศไทยและเจตจำนงของคนไทยไม่ทนต่อการทุจริต โดยนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงยุทธศาสตร์ชาติว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ. 2560 - 2564 มีเป้าหมายให้ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” โดยมุ่งหวังให้ระยะ 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการปฏิรูปกระบวนการทำงานจากเดิม ไปสู่กระบวนการทำงานแบบบูรณาการทั้งระบบ ทั้งคน เครื่องมือ เทคโนโลยีโดยเริ่มจากการวางรากฐานทางความคิดของประชาชน ลดความขัดแย้ง

สำหรับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่สำคัญในรอบสัปดาห์ อาทิ ครม.มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 20 มีมติกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ/วัน ปี 2563 และ ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 วงเงิน 923 ล้านบาท

รัฐบาลชวนไปช้อป OTOP City - วิ่ง SIAM TRAIL


ทั้งนี้เพจ "ไทยคู่ฟ้า" เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงาน OTOP City 2019 ระหว่างวันที่ 15 – 23 ธันวาคมนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นหนึ่งในงานส่งเสริมการตลาดให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เชื่อมโยงเศรษฐกิจมหภาค เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทุกภาคส่วน มีผู้ผลิตผู้ประกอบการเข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 3,500 ราย โดยกำหนดให้มีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค.นี้ ในงาน OTOP City 2019 นอกจากจะได้ของขวัญ ของที่ระลึกจากภูมิปัญญาและฝีมือของคนไทยในราคายุติธรรมแล้ว ยังช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่พี่น้อง ในชุมชนทั้งระบบ ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส


นอกจากนี้เพจ "ไทยคู่ฟ้า" เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกิจกรรม SIAM TRAIL 2019 ณ จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 13-15 ธ.ค.นี้ ที่ อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยจัดให้มีรายการวิ่งใน 6 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะที่หนึ่ง 52 กิโลเมตร สำหรับนักวิ่งเทรลมืออาชีพ นักวิ่งเทรลต่างประเทศ ค่าสมัคร ราคา 1,500 บาท จำนวนที่เปิดรับสมัคร 500 คน 2.ระยะที่สอง 36 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายและวิ่งเทรลมาแล้วหลายสนาม ค่าสมัคร ราคา 1,200 บาท จำนวนที่เปิดรับสมัคร 500 คน 3.ระยะที่สาม 17 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่วิ่งเทรลมาแล้วหรือเริ่มวิ่งถนนมาลองวิ่งเทรล ค่าสมัคร ราคา 600 บาท จำนวนที่เปิดรับสมัคร 1,000 คน 4.ระยะที่สี่ 13 กิโลเมตร สำหรับมือใหม่ อยากที่จะมาลองวิ่งเทรล ค่าสมัคร ราคา 500 บาท จำนวนที่เปิดรับสมัคร 2,000 คน

5.ระยะที่ห้า 5 กิโลเมตร สำหรับผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย ค่าสมัคร ราคา 400 บาท จำนวนที่เปิดรับสมัคร 2,000 คน 6.ระยะที่หก 3 กิโลเมตร สำหรับครอบครัว เด็ก ผู้สูงอายุ ที่สนใจเข้าร่วม ฟรี ไม่เสียค่าสมัคร จำนวนที่เปิดรับสมัคร 400 คน นักวิ่งทุกท่านจะได้รับถุงผ้าใส่ Race kit หมายเลขแข่งขัน เสื้อที่ระลึกการแข่งขัน และเสื้อผู้พิชิตสำหรับระยะ 52 และ 30 กิโลเมตร เมื่อวิ่งจบ และผู้ชนะในแต่ละรุ่นและประเภท จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัล

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานอีกมากมาย ทั้งการจัดทัวร์ประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ ฟรี แก่ผู้มาร่วมงาน โดยได้มีการจัดรอบการแสดงนิทรรศการมัลติมีเดีย สมบูรณ์แบบ ของพิพิธภัณฑ์อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ โดยเปิดให้เข้าชมฟรี วันละ 3 รอบ รอบละ 100 คน ที่จะได้ร่วมสืบค้นประวัติศาสตร์จากรูปแบบการนำเสนอที่ทำให้ประวัติศาสตร์มีชีวิต โดยเปิดให้เข้าชมได้ในวันที่ 13-14-15 ธ.ค.นี้ เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย กิจกรรมร่วมทำประโยชน์เพื่อช่วยกันทำนุรักษาป่าธรรมชาติ ด้วยการร่วมกันสร้างฝายกั้นน้ำ ที่กำหนดให้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ สร้างฝายขึ้นใหม่จำนวน 20 ฝาย เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ 300 คน โดยจัดให้มีกิจกรรมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ร่วมกิจกรรมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย การจัดตลาดประชารัฐ ภายในบริเวณงาน รวมร้านค้าท้องถิ่นมากมายมาร่วมค้าขายในบรรยากาศ ตลาดย้อนอดีต จำลองบรรยากาศ เมืองโบราณ หมู่บ้านวัฒนธรรมไทยทรงดำ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวพื้นเมืองที่อาศัยมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการจำหน่ายสินค้า ในบรรยากาศตลาดย้อนยุคอีกด้วย พร้อมทั้งยังมีการแสดงแสงสีเสียงสื่อผสม อันยิ่งใหญ่อลังการ แสดงแอคชั่นโชว์ แสงสีเสียง มหาวีรกรรมการศึกสงคราม 9 ทัพ ในรูปแบบของโชว์ อันตื่นเต้น อลังการด้วยสเปเชียลเอฟเฟค ตระการตา และทีมสตันท์ นักแสดงบนหลังม้า หลังช้าง จากทีมงานสร้างผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์การแสดงประวัติศาสตร์ที่พร้อมสร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้มาชม โดยรอบการแสดงจัดขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ รอบเวลา 19.00 ชมฟรี ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรม สามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมฯ ผ่านช่องทาง เฟชบุ๊ค SIAM TRAIL เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ไปจนสมัครจนกว่าจะครบตามจำนวนที่กำหนด

อย่าพลาด 15 ธ.ค.นี้ นายกฯ เปิดงาน "ถนนคนเดิน"กระตุ้นเที่ยวไทย

ทั้งนี้เพจ "ไทยคู่ฟ้า" ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมงานกิจกรรมถนนคนเดิน (Walking Street) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งดำเนินการตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการช่วยประชาชนที่มีรายได้น้อยให้มีพื้นที่ค้าขาย และช่วยให้พี่น้องประชาชนได้ซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและราคาประหยัด รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สนับสนุน Street Food ที่เป็นจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครก่อนขยายผลไปทั่วประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการครั้งแรกในสัปดาห์นี้ 3 ถนน ได้แก่ 1. ถนนเยาวราช ตั้งแต่วันที่ 13 -14 ธ.ค.นี้ โดยเริ่มปิดถนนฝั่งละ 1 ช่องจราจร เพื่อให้คนเดิน ในเวลา 17.00 – 24.00 น. 2.ถนนสีลม ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมในเวลา 18.00 น. และ 3. ถนนข้าวสาร ในวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยเริ่มปิดถนนเต็มรูปแบบในเวลา 16.00 – 24.00 น. โดยในงานจะมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรม งานหัตถกรรม สาธิตการทำอาหารไทย รวมถึงอาหารต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงของถนนข้าวสาร

คำขวัญวันเด็ก ปี 63 "เน้นรักสามัคคีรู้หน้าที่พลเมือง"


สำหรับช่วงท้ายรายการ Government Weekly ได้เปิดคลิปวีดีโอของ ศาตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย" พร้อมข้อคิดนายกรัฐมนตรีจากคำขวัญวันเด็กในปีนี้ว่าเด็กและเยาวชนไทยยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่รู้เท่าทันเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรู้รักสามัคคีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และ หน้าที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่นายกรัฐมนตรี ต้องการเห็นเด็กและเยาวชนไทยได้รู้จักหน้าที่ คือ ความเป็นพลเมืองไทย ที่ต้องรับผิดชอบอนาคตประเทศไทยร่วมกัน จึงฝากความหวังไว้กับเยาวชนไทยในการสร้างประเทศไทยไปสู่อนาคตข้างหน้าด้วยกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น