มติ กกต.ส่งศาล รธน.วินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ว. “ระวี รุ่งเรือง” สิ้นสุด เหตุเคยถูกลงโทษวินัยร้ายแรง ไล่ออกจากราชการ ปมเรียกรับเงินวิ่งเต้นเข้ารับราชการ ชี้แม้เคยได้รับการล้างมลทิน แต่ไม่ถือให้โทษวินัยถูกลบล้างตามคำพิพากษาศาลฎีกา
วันนี้ (2 ธ.ค.) เว็บไซต์สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.โดยมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็นสมาชิกวุฒิสภาของ นายระวี รุ่งเรือง ส.ว.ลำดับที่ 146 นายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทยและเลขานุการคณะกรรมการศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111(4) ประกอบมาตรา 108 ข .ลักษณะต้องห้าม (1) มาตรา 98 (8) และมาตรา 82 วรรคสี่ ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้อง จากกรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้ว พบว่า ก่อนนายระวีได้รับการสรรหา และแต่งตั้งเป็น ส.ว. เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการฐานประพฤติชั่วร้ายอย่างร้ายแรง ตามคำสั่งกรมการปกครอง ที่ 689/2539 ลงวันที่ 15 ส.ค. 2539 กรณีกระทำการเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน อันเป็นพฤติกรรมในทางทุจริต ประกอบกับศาลปกครองสูงสุด เคยมีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ.778/2558 วางหลักไว้ว่า การเรียกและรับเงินจากผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับราชการเพื่อเป็นค่าวิ่งเต้นให้ได้เข้ารับราชการนั้น เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและความร้ายแรงแห่งกรณีอยู่ที่ระดับเดียวกับกรณีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ด้วยเหตุดังกล่าวนายระวีจึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ว.ตามมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) มาตรา 98 (8) แม้ในเวลาต่อมานายระวีจะได้รับการล้างมลทินตาม พ.ร.บ.ล้างมลทินในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 และ พ.ร.บ.ล้างมลทินในโอกาสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ก็มีความหมายเพียงว่า นายระวี ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออกจากราชการเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ความประพฤติหรือการกระทำของผู้ถูกร้องที่เป็นเหตุให้ถูกลงโทษทางวินัยถูกลบล้างไปด้วยแต่อย่างใด ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2539 ที่ได้วางหลักไว้ในกรณีเช่นดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่มีเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ว.ของนายระวี สิ้นสุด