รองนายกฯ เผย อุปทูตมะกัน ระบุ การตัดสิทธิจีเอสพียังไม่ถึงที่สุด แนะคุยช่วงผู้ใหญ่สหรัฐฯเยือนไทย แต่ส่วนใหญ่เล็งคุยยุทธศาสตร์ความร่วมมือ ย้ำ ยึดมิตรภาพประเทศ ไม่เอามาเป็นประเด็นการเมือง ย้ำ แค่บังเอิญไม่เกี่ยวแบนสารพิษ
วันนี้ (29 ต.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับ นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่า คณะของสหรัฐฯจะมาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ในระหว่างวันที่ 31 ต.ค.- 4 พ.ย. จึงพยายามเตรียมการทุกอย่างให้สมบูรณ์ เพราะต้องการจะมาลงทุนในประเทศไทย และจะลงพื้นที่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงเรื่องจีเอสพี ซึ่ง นายไมเคิล ฮีธ ระบุว่า การตัดสิทธิจีเอสพียังไม่ถึงที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีมูลค่าไม่มากนักหรอก แต่ว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะพูดคุยกันและสื่อสารกัน เราสองประเทศเป็นมิตรกันมานาน เราสามารถที่จะพูดคุยกันได้อย่างไร จึงอยากให้ใช้ช่วงเวลาที่ผู้ใหญ่ของสหรัฐฯมาประเทศไทยหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า จะร่วมมือกันอย่างไรต่อไป โดย นายไมเคิล ฮีธ ระบุอีกว่า เรื่องจีเอสพีเกิดขึ้นในช่วงที่คณะของสหรัฐฯกำลังเดินทางมาประเทศไทย เป็นช่วงเวลาบังเอิญ และเมื่อยังไม่ถึงที่สุด อยู่ที่การพูดจากัน
นายสมคิด กล่าวว่า คณะที่จะมาไทยเป็นคณะใหญ่ และมีนักลงทุนสหรัฐฯมาจำนวนมาก เขาอยากให้บรรยากาศดี เขาบอกว่ามีอะไรขอให้พูดคุยกัน เรื่องต่างๆ ที่เขาขอร้อง เราพยายามเต็มที่แล้ว ในเรื่องแรงงานก็พยายามมาสมควรแล้ว เรื่องเกษตรพยายามดูแลอยู่ แต่ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นค่อยไป เขาก็เข้าใจ อย่างไรก็ตาม เราคงไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อขอสิทธิคืน แต่อยากให้ใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยกันถึงยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯกับไทย ไม่ใช่ไปดูเรื่องเป็นชิ้นๆ อยากให้ดูยุทธศาสตร์เลย เพราะขณะนี้ประเทศไทยเป็นจุดที่ทุกคนต้องการเข้ามา อยากให้มองเรื่องใหม่ๆ มองไปไกลๆ บนพื้นฐานของมิตรภาพ
“นายไมเคิล ฮีธ ได้ถามผมว่า ศูนย์กลางความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMVT) นั้น จีนกับญี่ปุ่นสนใจมากใช่มั้ย ผมตอบว่า ก็ใช่น่ะสิ แล้วสหรัฐฯไม่เข้ามาล่ะ เพราะเขากำลังให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มากทีเดียว เพียงแต่ช่วงเวลาที่เขามา บังเอิญกับตอนที่ประกาศเรื่องจีเอสพีพอดี ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมาในจังหวะแบบนี้ ผมเลยถามเขาว่า ถ้ายังไม่ไฟนอลก็พูดกันใหม่ได้” นายสมคิด กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องแรงงาน ทางสหรัฐฯได้ขอความร่วมมืออย่างไรบ้าง นายสมคิด กล่าวว่า เขาไม่ได้ขอ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ตนบอกว่า ใน 7 ข้อ เราให้ไปตั้ง 4 ข้อแล้ว อีก 3 ข้อค่อยคุยกัน เขาก็เข้าใจ ซึ่งเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย พูดแต่ว่า อนาคตจะร่วมมือกันอย่างไร ส่วนเรื่องจีเอสพี กระทรวงพาณิชย์ต้องหารือกับตัวแทนผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ซึ่งอยู่ที่การสื่อความให้เขาทราบ และบอกว่าเราเป็นมิตรที่ดี มีกลุ่มต่างๆ จำนวนมากตั้งใจไปลงทุนประเทศเขาด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาโดยรวม อย่าพิจารณาเป็นชิ้นๆ อย่างไรก็ตาม นายไมเคิล ฮีธ มีบรรยากาศที่เป็นมิตรภาพสูง
“จริงๆ แล้วไทยเลยเวลาที่จะเป็นจีเอสพีมานานแล้ว จีเอสพีมีไว้สำหรับประเทศที่ด้อยพัฒนา เป็นความช่วยเหลือกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม ส่วนไทยนั้นพัฒนาแล้ว เพียงแต่เราเป็นเพื่อนกัน ก็เก็บไว้ก่อนสิ จะรีบร้อนไปทำไม” นายสมคิด กล่าว
เมื่อถามว่า คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ต้องการให้เจรจาแบบคู่ค้าที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ลูกไล่ นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องมิตรภาพระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องไม่เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นประเด็นการเมือง อย่าลืมว่า ทั้งสหรัฐฯ จีน และ ญี่ปุ่น เป็นประเทศใหญ่ การที่เราสร้างสัมพันธ์ได้เป็นสิ่งที่ดี ส่วนอะไรที่ไม่เป็นธรรม เราต้องเจรจากับเขาว่าเราทำเต็มที่แล้ว ต้องเกื้อกูลกัน ต้องเป็นเหตุเป็นผล และการที่ นายไมเคิล ฮีธ มาเข้าพบตน เขาก็ให้เกียรติทุกอย่าง รวมถึงหวังอย่างยิ่งว่าคณะที่มาจากสหรัฐฯจะได้เข้าพบนายกฯ
เมื่อถามว่า มีการระบุหรือไม่ว่าเกี่ยวกับการที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติยกเลิกสารพิษ 3 ชนิด นายสมคิด กล่าวว่า เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องความบังเอิญของเวลา ไม่ได้พูดถึงสารพิษเลย และไม่เกี่ยวกับการเมืองของประเทศ
“ผมว่าเรามีมิตรภาพต่อกัน ต้องดูแลซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่กันได้ สหรัฐฯกับไทยเป็นมิตรเก่าแก่ เราเป็นแนวร่วมของเขานานมาแล้ว ดังนั้น จะทำอะไรก็จะต้องคิดถึงมิตรภาพขอให้ใช้ช่วงเวลาที่เข้ามาร่วมประชุมอาเซียนในเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันว่าเราจะร่วมกันได้อย่างไร อย่าไปเอาชิ้นที่สร้างปัญหา มาคุยกันมากจนเกินไปแล้ว เขาก็ถามผมว่าผมพึ่งกลับมาจากจีนใช่ไหม ดีไหม ผมก็บอกว่าดี จีนก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี อเมริกาก็ควรจะดีด้วยใช่ไหมครับ