“อุตตม” แจงรัฐบาลทำงบฯ ปี 63 ถูกต้อง มีวินัยการเงินการคลัง ปัดแจกเงินอย่างไร้เป้าหมาย โว “ชิมช้อปใช้” กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง สามารถนำเทคโนโลยีเข้าถึงประชาชนตามยุทธศาสตร์ เผยสิ่งดีๆ จะตามมา พร้อมตั้งเป้าปี 73 สามารถจัดทำงบแบบสมดุล
วันนี้ (17 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.40 น. นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญต่อทุกมิติ ทั้งในเรื่องการสร้างประโยชนแก่ประชาชน เรื่องความถูกต้องตามกฎหมาย มีหน่วยงานพิจารณาแต่ละขั้นตอนให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ การทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณนี้รัฐบาลได้ทำรายละเอียดที่มาและแหล่งรายได้ซึ่งมีทั้งส่วนที่มาจากภาษี ส่วนที่ไม่ใช่ภาษีซึ่งจัดเก็บโดยหน่วยงานอื่นๆ การส่งรายได้จากรัฐวิสาหกิจ ขณะที่การประมาณการรายได้ที่รัฐบาลคาดว่าจะจัดเก็บไ้ด้นั้น เราได้ทำอย่างรอบคอบผ่านกลไกที่มีคณะทำงานด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง เช่น สำนักงบประมาณ กระทรวงคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อีกทั้งการจัดทำงบประมาณฯ มีความสอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของประเทศ และแนวทางการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกถดถอยอีก และสงครามการค้าโลกส่งผลกระทบต่อประเทศไทยที่พึ่งพาการส่งออก รัฐบาลนี้ทำงานได้ 3 เดือนเศษ แต่ต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้จะต้องเร่งใช้จ่ายงบประมาณ ความท้าทายครั้งนี้เราจะก้าวพลาดไม่ได้
รมว.คลังกล่าวอีกว่า การเร่งการใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลมีการหารือในเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ไม่ใช่การแจกเงินอย่างไร้เป้าหมาย โดยรัฐบาลมีหลัก 4 ข้อในการออกแบบมาตรการชุดเศรษฐกิจ คือ 1. ต้องแก้ตรงจุด 2. มีความรวดเร็วทันการณ์ 3. เป็นมาตรการชั่วคราว 4. ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ส่วนกลุ่มเป้าหมายของเรา คือ ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร โดยมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เป็นมาตรการสำหรับประชาชนทั่วไป และเป็นหนึ่งในชุดมาตรการที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนมีเงินจับจ่าย ขณะที่ธุรกิจก็ได้ลูกค้า และที่สำคัญยังส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ และมาตรการชิมช้อปใช้ไม่ใช่การหว่านเงิน และร้านค้าที่ร่วมโครงการนี้ ร้อยละ 80 เป็นร้านค้ารายย่อย ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ใช่ห้างใหญ่ และคาดว่าจะมีจำนวนห้างใหญ่มาร่วมโครงการนี้ลดลง
ส่วนที่มีการดำเนินการผิดหลักเกณฑ์ยอมรับว่าก็มีบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย เมื่อพบก็ได้ตักเตือน แต่ถ้าเกินขอบเขตก็มีมาตรการจัดการ ทั้งการระงับสิทธิ เพิกถอนสิทธิ และดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเรื่องสวัสดิการแห่งรัฐ มีการใช้ระบบอี-เพย์เมนต์ ตอนนี้กำลังต่อยอดขยายผลอย่างกว้างขวาง ใช้เทคโนโลยีมาทำให้มาตรการนี้ไปสู่ประชาชน และจากนี้ไปสิ่งดีๆ จะเข้าหาประชาชนตามมาแน่นอน สำหรับข้อมูลการจับจ่ายของประชาชนผ่านมาตรการระบบของรัฐ เรารวบรวมเพื่อนำไปใ่ช้ประโยชน์ในการบริหารประเทศ บริหารโครงการ ไม่ได้เอาไปทำอื่นใด ทั้งนี้ การดูแลเศรษฐกิจไทยต้องอาศัยทุกภาคส่วนมาช่วยกัน เพื่อทำให้คนในและคนข้างนอกมองเข้ามาด้วยความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยเฉพาะสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่มองว่าไทยมียุทธศาสตร์และเป้าหมายที่ชัดเจน และแข็งแกร่งเพียงพอทางการเงินการคลัง ซึ่งมูดี้ส์ และเฟด จัดอันดับไทยว่ามีเสถียรภาพเชิงบวก
นายอุตตมกล่าวว่า ส่วนการจัดทำงบประมาณเรื่องงบขาดดุล เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศที่กำลังเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ เร่งการลงทุน ปรับเปลี่ยนประเทศ บางอย่างต้องเริ่มวันนี้ เราต้องใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัว เหมือนกับหลายประเทศ เพื่อให้การพัฒนาสอดรับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ขอยืนยันว่าเรามีวินัยการเงินการคลัง ทุกโครงการต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ขาดดุลได้เฉพาะการทำเพื่อสนับสนุนการลงทุน แต่รัฐบาลมีแนวทางชัดเจนว่าในการจัดทำประมาณในอนาคต ต้องเป็นงบประมาณสมดุล โดยจะมีคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งมีเป้าหมายการทำงบประมาณสมดุล ในปี 2573 สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยจากนี้ไปมุ่งลดการขาดดุลขอภาครัฐ ส่วนการจัดเก็บรายได้ ซึ่งมี ส.ส.บางคนบอกว่าประมาณการไว้มากเกินไปและรัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า นั่นเป็นข่าวคลาดเคลื่อน ยืนยันว่างบประมาณปี 2562 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เกินเป้า 13,000 ล้านบาท เพราะจากปีที่ผ่านมารัฐสามารถจัดเก็บรายได้เกินเป้าถึงหมื่นสามพันล้านบาท โดยปีนี้มีเป้าหมายจะขยายฐานภาษีมากขึ้น จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถเก็บได้ตามเป้าอย่างแน่นอน