หัวหน้าอนาคตใหม่ โร่แจงยิบ! อ้างคุย “โจชัว หว่อง” แค่ 5 นาทีถ่ายรูปคู่แล้วแยกย้าย เจอกันครั้งเดียว แต่ถก “ฌอน” ที่สนับสนุนจีนนานกว่า รับปี 60 เคยคิดถึงโมเดลฮ่องกงไล่ คสช.แต่สุดท้ายเลือกใช้ระบบรัฐสภาต่อสู้ แทน ยันเคารพธรรมนูญฮ่องกงหนุนหนึ่งประเทศสองระบบ หวังสถานการณ์คลี่คลายไม่ปรารถนาความรุนแรง โวยภาพเดียวถูกขยายสร้างความเกลียดชัง
วันนี้ (11 ต.ค.) เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ชี้แจงกรณีภาพถ่ายกับนายโจชัว หว่อง แกนนำกลุ่มประท้วงในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยระบุว่า เนื่องจากมีความพยายามจะเชื่อมโยงว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับความไม่สงบและกลุ่มผู้ประท้วงจากภาพคู่ระหว่างตนกับนายโจชัว จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้รับเชิญจากนิตยสารดิ อิโคโนมิสต์ (The Economist) ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก ให้ไปพูดที่งาน Open Future Festival ที่ฮ่องกง ในหัวข้อ “Inside the Minds of Asia’s Next Gen Politicians” ซึ่งในวงเสวนามีผู้ร่วมรายการ 2 คนได้แก่ นายทิม วิลสัน (Tim Wilson) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหัวก้าวหน้าจากเครือรัฐออสเตรเลีย และนายนูรุล อิซาฮ์ อันวาร์ (Nurul Izzah Anwar) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมาเลเชีย ลูกสาวของคุณอันวาร์ อิบราฮิม แต่นายนูรุลมาไม่ได้เนื่องจากติดภารกิจ บนเวทีเสวนาจึงเหลือเพียงตนกับนายทิม หลังจากที่งานเลิกแล้ว ตนและนายโจชัวพบกันในบริเวณงานและได้คุยกันประมาณ 5 นาที เราถ่ายรูปด้วยกันและแยกย้ายกันหลังจากนั้น
“นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมพบปะกับโจชัว หว่อง ผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดๆ ในฮ่องกง และไม่มีเจตนาที่จะทำในอนาคต ภารกิจของผมและพรรคอนาคตใหม่คือการสร้างประชาธิปไตยและความก้าวหน้าของสังคมไทย” นายธนาธรระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
นายธนาธรระบุว่า การสนทนาและถ่ายรูปกันในหมู่ผู้พูดในงานสัมมนาต่างๆ เป็นเรื่องปกติ ตนก็ได้ถ่ายรูปร่วมกับหลายคนในงาน รวมทั้งกับนายฌอน แอล.เรียน (Shaun L. Rein) ผู้ก่อตั้งไชน่า มาร์เก็ต รีเสิร์ช กรุ๊ป (CMR) และมีโอกาสสนทนากับเขาในหลายๆ เรื่อง มากกว่าที่ตนสนทนากับนายโจชัว เสียอีก ซึ่งเขาวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงในฮ่องกง และขึ้นเวทีถกเถียงกับนายโจชัว ในเวทีสัมมนานานาชาติเช่นนี้ การพบปะพูดคุยกับคนที่มีความคิดหลากหลายเป็นธรรมดา และเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้ความเห็นที่หลากหลาย เช่นกรณีของนายฌอน ซึ่งยืนยันแนวทางการเมืองของปักกิ่ง แต่ก็เสนอว่าการแก้ปัญหาฮ่องกงต้องลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ให้ทั่วถึงคนส่วนใหญ่ด้วย นายฌอน ยังชวนตนไปพบเขาหากตนมีโอกาสไปปักกิ่งอีก
“ผมได้พูดถึงฮ่องกง ในระหว่างที่ผมบรรยายอยู่บนเวทีจริง ผมกล่าวว่าเมื่อปลายปี 2560 ตอนที่ผมและเพื่อนๆ กำลังตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของระบอบ คสช. เราครุ่นคิดกันว่าจะสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม หรือพรรคการเมือง เรื่องนี้ผมได้เล่าผ่านหลายสื่อในหลายวาระและโอกาสแล้ว โจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ และฮ่องกงชวนให้เราคิดถึงโมเดลขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม แต่สุดท้ายเราตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองและต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบรัฐสภาแทน เนื่องจากความสูญเสียจากการสลายการชุมนุมปี 2553 ยังคงบาดลึกอยู่ในสังคมไทย ถ้าจะถามผมต่อเรื่องฮ่องกง ผมสนับสนุนการเคารพธรรมนูญการปกครองฮ่องกง หรือ Basic Law ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อฮ่องกงถูกส่งคืนสู่เขตอำนาจอธิปไตยของจีน โดยยึดหลักหนึ่งประเทศ สองระบบ อย่างสมดุล และเคารพสิทธิการเลือกตั้งผู้บริหารฮ่องกงอย่างเป็นประชาธิปไตยตามที่ระบุไว้ใน Basic Law มาตรา 45” นายธนาธรระบุ
นายธนาธรระบุต่อว่า ตนสนับสนุนการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสันติเสมอมา ตนปรารถนาที่จะเห็นสถานการณ์ที่ฮ่องกงคลี่คลายไปได้ด้วยดี ตนไม่ปรารถนาเห็นการใช้ความรุนแรงต่อทั้งพลเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการฟื้นฟูความเชื่อถือและไว้วางใจระหว่างเจ้าหน้าที่กับพลเมืองขึ้นมา ไม่ดำเนินการหรือใช้มาตรการใดๆ ที่ไม่สมควรแก่เหตุ
“รูปถ่ายระหว่างผมกับโจชัว หว่อง เพียงภาพเดียวถูกนำมาขยายความต่อเกินความจริง โดยปราศจากหลักฐานยืนยันใดๆ สื่อ, กลุ่มคนบางกลุ่ม, รวมถึงผู้นำกองทัพ พยายามเชื่อมโยงผมกับความไม่สงบในฮ่องกงเพื่อสร้างความเกลียดชังในสังคมไทย ผมขอให้ทุกท่านรับข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน และขอยืนยันอีกครั้งว่าเราสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันประเทศสู่ประชาธิปไตย, สร้างความเสมอภาคเท่าเทียมในสังคม และส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้แก่คนรุ่นต่อไป” นายธนาธรระบุ
โดยเฟซบุ๊กของนายธนาธรได้เผยแพร่รูปภาพนายธนาธร กับนายฌอน และภาพบรรยากาศการเสวนาด้วย
