ปธ.กกต. มองการเลือกตั้งส.ส.นครปฐมเขต 5 เข้มข้น ไม่ถึงกับดุเดือด ไร้กังวล เผยยังไม่ส่งคำฟ้องใบเหลือง "กรุงศรีวิไล" ให้ศาลฎีกา เหตุยังยกร่างไม่เสร็จ สัปดาห์หน้า อนุวินิจฉัยได้ฤกษ์ประชุมถกสำนวน "ธนาธร" ปล่อยกู้พรรคตัวเอง
วันนี้ (11 ต.ค.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความพร้อมจัดเลือกตั้งส.ส.เขต 5 นครปฐม แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่า น่าจะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น ไม่ถึงกับดุเดือด ที่ผ่านมากกต.ได้ตั้งชุดหาข่าวและคณะไต่สวนเตรียมไว้เผื่อกรณีมีเรื่องร้องเรียน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่ากังวล ทางกกต.ได้เตรียมการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากเมื่อวาน(10ต.ค.)นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต.ได้ไปตรวจเยี่ยมสำนักงานกกต.นครปฐม เพื่อดูการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จุดบกพรองครั้งที่แล้ว กกต.ได้เน้นย้ำให้เพิ่มความระมัดระวัง อย่างเรื่องไฟดับแม้ครั้งที่แล้วเกิดขึ้นไม่กี่นาทีแต่ครั้งนี้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ความแม่นยำในการรวมผลคะแนนและกรอกในเอกสารก็ได้มีการชักซ้อมเตรียมการไว้แล้ว
นายอิทธิพร กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคำร้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาทเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ ว่า มีความคืบหน้าตามลำดับ เดือนที่แล้วในการประชุมกกต.ได้พิจารณากัน แต่เห็นว่าเพื่อให้เกิดความรอบคอบและถูกต้องตามขั้นตอนจึงส่งสำนวนให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาและข้อโต้แย้งของสำนักงานฯพิจารณา โดยทราบว่าคณะอนุฯจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้าตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามเรื่องร้องเรียนขณะนี้มี 584 เรื่อง พิจารณาไปแล้ว437 เรื่อง เหลือเรื่องที่ต้องพิจารณา 147 เรื่อง โดยเรื่องที่มีการวินิจฉัยแล้วก็มีเผยแพร่ทางเว็ปไซต์กกต.ทุกวัน เราจะพยายามทำให้เสร็จไม่ชักช้า อย่างไรก็ตามขณะนี้กกต.ยังไม่ได้มีมติที่จะเสนอศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ ต่อศาลเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่มีมติเสนอให้มีการเลือกตั้งใหม่เขต5 สมุทรปราการที่นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กกต.ยังยกร่างคำฟ้องไม่เสร็จสิ้นจึงยังไม่ได้ส่งศาลฎีกา
เมื่อถามถึงกรณีทางการจีนออกมาตำหนินักการเมืองไทยที่สนับสนุนแกนนำกลุ่มแบ่งแยกฮ่องกงทางกกต.จะมีการตรวจสอบว่าพรรคการเมืองที่นักการเมืองสังกัดอยู่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ได้ทราบข่าวจากสื่อ ทางสำนักงานก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ถ้าเห็นว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าข้อกฎหมายที่ทางกกต.รับผิดชอบ สำนักงานก็จะเสนอว่ามีมูลความผิดหรือไม่ จำเป็นที่กกต.ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบหรือไม่ สำหรับตนเองคงต้องศึกษาเพราะ ข้อเท็จจริงที่ได้ยังไม่ครบถ้วนจะให้ตอบว่าผิดหรือไม่ผิดเลยก็จะเป็นความเห็นของคนๆเดียว ซึ่งจริงๆต้องมีการประชุม กกต.พิจารณา และเห็นว่ากกต.ไม่จำเป็นต้องสั่งสำนักงานฯดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ เพราะสำนักงานย่อมตระหนักดีถึงอำนาจหน้าที่ของตนเอง