xs
xsm
sm
md
lg

เข็ญ พ.ร.บ.งบ 63 พิสูจน์ฝีมือผู้จัดการ “ป้อม” เอาอยู่!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา





รับรู้กันดีว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือว่าเป็นกฎหมายสำคัญสำหรับเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้งบประมาณเพื่อการบริหาร การลงทุน เป็นค่าใช้จ่ายสารพัดในประเทศนี้ ดังนั้นหากกฎหมายการเงินหลักแบบนี้ไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภา รัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรีมีทางเลือกอยู่สองทางคือ ยุบสภาหรือไม่ก็ลาออกเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วทั้งสองอยางดังกล่าว

สำหรับคราวนี้ตามกำหนดร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จำนวนตัวเลขกลมๆราว 3 ล้านล้านบาทมีกำหนดเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาที่กำหนดเอาไว้เบื้องต้นสองวันก่อนคือว่า ในวันที่ 17-18 ซึ่งอาจขยายเวลาออกไปได้มากกว่านี้ได้อีกตามความเหมาะสม โดยคาดว่าคงใช้เวลาในการอภิปรายก่อนลงมติในวาระแรกไม่น่าจะเกิน 3 วัน

อย่างไรก็ดีด้วยสภาวะเสียงสนับสนุนของทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่มีเสียงคู่คี่ก้ำกึ่งกัน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตัวเลขของฝ่ายรัฐบาลที่เวลานี้มีเสียงเกินมาเพียงแค่ 1-3 เสียงเท่านั้น ถือว่ามีเสียงที่เรียกว่า “เสียงปริ่มน้ำ” ซึ่งตามตัวเลขคณิตศาสตร์แบบนี้ถือว่าน่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาย่อมต้องเกิดผลกระทบตามมาอย่างใหญ่หลวง

เมื่อเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำแบบนี้มันก็ต้องวัดกันที่การคุมคุมเสียง หรือฝ่ายวิปรัฐบาลที่เป็นฝ่ายประสานงานจะทำได้ดีมีประสิทธิภาพได้ดีหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงการลงมติ แทบไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าห้องน้ำกันเลย รวมไปถึงห้ามป่วยห้ามลาอย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ดีในฐานะที่เป็นฝ่ายรัฐบาลมันก็ย่อมมีข้อเปรียบ มีแท็กติกหลายรูปแบบที่ถูกนำมาใช้ทั้งเป็นแบบบนดินและใต้ดินก็อาจถูกนำมาใช้เพื่อให้การลงมติผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาอีกด้านหนึ่งในฟากของฝ่ายค้านเองแม้ว่าภาพภายนอกจะมีความกระเหี้ยนกระหือรือในการอภิปรายงบประมาณ และได้โอกาสลุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลถือเป็นโอกาสสำคัญหวังผลทางการเมืองที่จะตามมา แต่หากพิจารณาลงลึกในรายละเอียดของแต่ละพรรค โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคเพื่อไทยที่ล่าสุดเริ่มได้เห็นรอยปริร้าวชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างสองขั้วหลักภายใน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หลังจากมีกรณีที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในแคดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประกาศท่าทีลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามอิสระ

ขณะเดียวกันที่น่าจับตาก็คือในการโหวตร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายคราวนี้จะเกิดกรณี “งูเห่า” ขึ้นมาหรือไม่ นั่นคือจะมี ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหันมาโหวตสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ หลังจากก่อนหน้าเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างออกมาให้เห็นแล้ว จากกรณีที่มี ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านนับสิบคนลงมติสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลเพื่อขัดขวางญัตติการคณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยการลงมติคราวนี้จากการตรวจสอบพบว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้านโหวตสวนรวมแล้วกว่า 20 คน และในจำนวนนั้นมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยถึงจำนวนนับสิบคนดังกล่าว จนในเวลานี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ แต่ในที่สุดก็เงียบหายไป เนื่องจากคงเกรงว่าจะบานปลาย อีกทั้งการลงมติตามกฎหมายถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ดังนั้นไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงจะด้วยเหตุผลอะไรมันก็คงจะไปเอาเรื่องเอาราวอะไรไม่ได้

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือกรณี “งูเห่า” จะเกิดขึ้นในการโหวตร่างงบประมาณคราวนี้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวหรือร่องรอยที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งข่าวคราในเรื่องการย้ายพรรคในการเลือกตั้งคราวหน้าที่แลกด้วย “เงื่อนไขพิเศษ” หรือการทาบทามพรรคขนาดเล็กบางพรรคเพื่อเข้ามาเติมเต็มแทนเสียงของพรรคเล็กแยกตัวไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ ขณะเดียวกันการดึงงูเห่าเข้ามายังทำให้เป็นการ “คาน” ไม่ให้พรรคเล็กๆที่มีร้อยพ่อพันแม่ ถึง 18 พรรคมีอาการงอแงได้อีกทางหนึ่งด้วย แต่นั่นต้องมีความหมายในด้านคณิตศาสตร์ที่มีจำนวนที่เป็นกอบเป็นกำ ที่ว่ากันว่าต้องมีถึง 10-20 เสียงเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปสำหรับฝ่ายรัฐบาลก็คือ “ผู้จัดการรัฐบาล” นาทีนี้ต้องรับรู้ว่าบทบาทดังกล่าวตกอยู่กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือประธานยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐในเวลานี้ ซึ่งบทบาทในพรรคพลังประชารัฐเวลานี้ถือว่าน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อเสถียรภาพและอนาคตของรัฐบาล “ลงตู่” ว่าจะมีอายุได้ยืนยาวแค่ไหนอีกด้วย ภายใต้เสียงปริ่มน้ำแบบนี้ และในวาระที่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 กำลังจะเข้าสู่สภาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็ได้เวลาพิสูจน์ศักยภาพของผู้จัดการคนนี้อีกด้วย

ที่ผ่านมาได้มีการเรียก ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพรรคขนาดเล็กอย่างน้อยสองพรรคจำนวนสองเสียงเข้าหารือลับกันในทำเนียบรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือ ได้เห็นภาพที่ นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย และ สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย พร้อมใจกันเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่น่าสนใจก็คือ พิเชษฐ ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระไปแล้ว

ดังนั้นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ในครั้งนี้ต้องจับตาบทบาท “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะผู้จัดการรัฐบาล จะแสดงศักยภาพได้โดดเด่นแค่ไหน สามารถเอาอยู่หรือไม่ เพราะนี่คือด่านพิสูจน์สำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงอนาคตของรัฐบาลและอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกด้วย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น