xs
xsm
sm
md
lg

เดิมพันเลือกตั้งซ่อม-รัฐบาลเสียพื้นที่หายนะแน่ !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เมืองไทย 360 องศา




เริ่มเข้าโหมดเลือกตั้งซ่อมเต็มระบบแล้ว เริ่มจากการเลือกตั้งที่ เขต 5 จังหวัดนครปฐม แทนนางจุมพิตา จันทรขจร จากพรรคอนาคตใหม่ที่ลาออก โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ และที่ผ่านมาก็เริ่มมีการสมัครรับเลือกตั้งไปจนถึงวันที่ 4 ตุลาคมนี้

แน่นอนว่าเมื่อมีการเลือกตั้งมันบรรยากาศมันก็คึกคักขึ้นมาทันที จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามันมีผล หรือมี “เดิมพัน” มากน้อยแค่ไหนด้วย แต่สำหรับการเลือกตั้งซ่อมคราวนี้ต้องบอกว่ามันมีผลมาก มีผลถึงขั้นชี้ชะตาอนาคตของ”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลของเขาอีกด้วย เพราะการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นไม่ใช่มีแค่ เขต 5 นครปฐมเขตเดียวเท่านั้น เพราะยังมีอีก 3 เขต 3 จังหวัด นั่นคือที่ จังหวัดขอนแก่น แทน นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ถูกศาลสั่งประหารชีวิตจากคดีจ้างวานฆ่า และถูกจำคุกอยู่ในเวลานี้ ที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมแทน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่ถูกศาลฎีกาสั่งจำคุกจากคดีการชุมนุมล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 53 และ ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่ต้องเลือกตั้งซ่อม จากกรณีที่ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ควักใบเหลือง

เอาเป็นว่า ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 4 เขตเลือกตั้ง ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็พอเห็นภาพแล้วว่าในสภาพที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแบบนี้ จำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือลดจำนวนลงย่อมมีผลต่ออนาคตของรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเวลานี้หากนับจำนวน ส.ส.ที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลตามตัวเลขก็เกินฝ่ายค้านมาประมาณ 1-2 เสียงเท่านั้น ที่บอกว่าตามตัวเลขเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงแล้วก็ยังมั่นใจไม่ได้ เนื่องจากสภาพที่เป็นเสียงปริ่มน้ำ ก็ย่อมทำให้แต่ละเสียงมีค่า สามารถเป็นตัวแปรได้ตลอดเวลาอย่างที่รับรู้กัน

หากพิจารณาจากภาพรวมๆในการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 4 เขต 4 จังหวัดในครั้งนี้ สามารถแยกตามที่นั่งเดิมคือ เป็นของฝ่ายรัฐบาลสองที่นั่งและฝ่ายค้านสองที่นั่ง ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่บอกว่าการเลือกตั้งซ่อมคราวนี้ถึงมีเดิมพันสูงมาก เนื่องจากอาจมีผลในการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งสองทาง นั่นคือฝ่ายค้านอาจไปเป็นรัฐบาล หรือในทางตรงกันข้ามก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าในความเป็นจริงจะต้องมีปัจจัยสำคัญอื่นๆตามมา เช่นการยุบสภา หรือมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแต่ไม่มีการเปลี่ยนขั้ว ก็เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ซึ่งการเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้

หากเริ่มโฟกัสจากเขต 5 นครปฐม ก็ต้องบอกว่า งานนี้ฝ่ายรัฐอาจเสมอตัวหรือกำไร เพราะเดิมเป็นที่นั่งของพรรคอนาคตใหม่ เป็นฝ่ายค้าน และหนึ่งเสียงที่ว่านี้ก็ไม่เคยไปโหวตในสภา เนื่องจากมีอาการป่วยตั้งแต่หลังเลือกตั้ง ดังนั้นฝ่ายที่ต้องดิ้นรนรักษาเก้าอี้ก็ต้องเป็นพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งก็คือเป็นการสู้ภายใต้เงาของเครือข่ายพรรคเพื่อไทยเดิม ที่ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาเคยวางตัวให้พรรคไทยรักษาชาติลงสมัครแทน ตามแผน “แตกแบงก์ย่อย” แต่เมื่อล้มเหลวพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ คะแนนก็ไหลไปที่พรรคอนาคตใหม่ประกอบกับกระแสของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บางส่วนเข้ามาผสมปนเปจึงทำให้ชนะการเลือกตั้งในเขตนี้ไปอย่างขาดลอย โดยได้ไป 34,164 คะแนน ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มาอันดับสอง คือ สุรชัยอนุตธโต ได้แค่ 18,970 คะแนน

อย่างไรก็ดีในเขตเลือกตั้งซ่อมที่ นครปฐมคราวนี้มีรายละเอียดที่มองข้ามไม่ได้ นั่นคือ แม้ว่าในที่สุดแล้วพรรคพลังประชารัฐจะยอมหลบให้พรรคประชาธิปัตย์ลงสนามเพื่อไม่ให้คะแนนตัดกันเอง แต่ขณะเดียวกันยังมีกรณีของ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ “ขาใหญ่” ในพ้นที่มานาน แต่ในการเลือกตั้งคราวที่แล้วกลับสอบตก แพ้แบบหมดรูป คาดไม่ถึงมาเป็นอันดับสี่ คราวนี้ไม่สนใจใครของ “ล้างอาย” ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา แม้ว่าตามรูปการณ์แล้วยังไม่รู้ออกหัวออกก้อยไม่สามารถการันตีได้เลย แต่การที่เผดิมชัย เดินหน้าชนแบบนี้ มันก็ทำให้โอกาสที่ฝ่ายรัฐบาล(ทั้งคู่) อาจพ่ายแพ้ก็เป็นไปได้ เพราะกลายเป็นว่างานนี้สู้เพื่อชัยชนะของใครของมันเท่านั้น

แต่ถึงอย่างไรสำหรับพื้นที่เขตนี้ ในความเป็นจริงแล้วแม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะพ่ายแพ้ ก็อาจถือว่าเสมอตัว แต่หากพลิกมาชนะมันก็ไปเพิ่มที่นั่งให้อีกหนึ่งเก้าอี้ มันถึงมีแต่เสมอตัวกับกำไร ขณะที่ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ของ ธนาธร หากชนะมันก็สามารถไปเคลมสร้างกระแสภายนอกเพื่อสร้างแรงกดดันจากการที่กำลังใกล้ชี้ขาดในคดีสำคัญเข้ามาแล้ว

แต่สำหรับอีก สามเขตที่เหลือคือ กำแพงเพชร และสมุทรปราการ ที่เป็นสองที่นั่งของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ อีกทั้ง อีกหนึ่งเขตคือที่ขอนแก่นที่เดิมเป็นของ นวัธ เตาะเจริญสุข พรรคเพื่อไทย แต่เมื่อพิจารณาจากฐานคะแนนและผลจากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว มันก็เป็นไปได้ที่พรรคพลังประชารัฐจะรักษาพื้นที่เอาไว้ได้ รวมไปถึงอาจจะได้ที่นั่งเพิ่มที่ขอนแก่นก็เป็นไปได้สูงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ขอนแก่น ที่คราวที่แล้วแพ้ไปเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น

ดังนั้นหากพิจารณาในภาพรวมๆการเลือกตั้งซ่อมในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 4 เขตย่อมมีผลต่อคะแนนเสียงของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ โดยเฉพาะหากโฟกัสไปที่เขต 5 นครปฐม หากผลออกมาในด้านร้ายนั่นคือพ่ายแพ้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ขาดทุน แต่หากชนะมันก็เป็นผลบวก แต่นาทีนี้ถ้าให้เดาโอกาสชนะนั้นไม่กล้าฟันธง แต่บอกว่าหืดขึ้นคอ แต่สำหรับสามเขตที่เหลือนี่แหละถือว่า “ยุทธศาสตร์”แท้จริงที่พรรคพลังประชารัฐจะแพ้ไม่ได้ และไม่ยอมหลบให้ใครเด็ดขาด โดยเฉพาะหากเสียทีนั่งเดิมมันก็คือหายนะดีๆนี่เอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น