xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยหนู” ปล่อยมุกลายมือหมอ อ่านแทบไม่ออก เจอคนแกะได้เฉลยคำตอบเทพกว่า ** “ชีค ฮาซินา” นายกฯ บังกลาเทศ ประกาศบอกชาวโลกว่าทนไม่ไหวแล้ว ต้องเลี้ยงดูผู้อพยพโรฮิงญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**“เสี่ยหนู “อนุทิน” ปล่อยมุก “ลายมือหมอ” หวัดสามตลบ อ่านแทบไม่ออก โพสต์ลง FB ว่าแน่แล้ว เจอคนแกะได้เฉลยคำตอบเทพกว่า

กลายเป็น “ฮอตฮิต” ที่ชาวเน็ตพูดถึง และแชร์ต่อกันจำนวนมาก กับความท้าทายเพื่ออ่านและแกะ “ลายมือ” ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่โพสต์เอาฮา หรือประมาณว่าไหนๆ มาคุมกระทรวงหมอ ก็ขอเขียนแบบหมอสักหน่อยไม่อาจทราบได้ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Anutin Charnvirakul” ด้วยการโพสต์ภาพกระดาษเขียนด้วยลายมือที่หวัดจนอ่านแทบไม่ออก ใกล้เคียงกับการจดชวเลข หรือคล้ายลายมือแพทย์ ที่ว่ากันว่าหวัดที่สุดของที่สุด
อนุทิน ชาญวีรกูล
หมอทั้งหลายที่ลายมือหวัดเพราะต้องรีบเขียน รีบตรวจคนไข้ที่มีวันหนึ่งเป็นร้อยๆ คน คนที่แกะหรืออ่านลายมือหมอได้ก็มีแต่พยาบาล หรือเภสัชกร ที่คุ้นเคยกันดีเท่านั้น คนอื่นๆ ยากที่จะเดาออก...“หมอหนู” ลงโพสต์ดังกล่าวช่วงบ่ายของวันที่ 24 ก.ย. โดยพิมพ์ข้อความกำกับไว้ว่า “ครับๆ ท่านครับ” มีคนเข้ามาเมนต์มาแชร์ต่อค่อนข้างมากหน้าหลายตา บ้างก็ว่าเป็นรหัสลับ อ่านยากมากกกก ลายมือหมอ ชวเลขดีๆ นี่เอง ใครอ่านได้ก็เทพแล้ว...

ลายมือจริงๆ ของ “รมว.อนุทิน” มีคนบอกว่า อ่านง่ายกว่าที่ลงไว้แน่ๆ ที่โพสต์ก็เป็นมุกลายมือหมอ ที่ต้องการให้เพื่อนใน FB มาทาย แต่ก็ทายได้เป็นบางคำ บางท่อน เล่นเอามึนตึ้บ...แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่แกะลายมืออ่านยากสุดๆ นี้ได้... เขาผู้นั้นเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Larnpho benchathamarati ถอดความออกมาได้ทั้งหมด

นี่เรียกว่า คนงัดมุกว่าแน่ ... คนแกะเทพกว่า

เหมือนเฉลยข้อสอบ คนอื่นๆได้เห็นโพสต์ลงในช่องความเห็นของ "รมว.อนุทิน" พร้อมกับข้อความ“รับสมัครเลขามั้ยครัชทั่น” ก็เข้ามากดไลค์ กลายเป็นต้นฉบับอีกโพสต์ที่ถูกแชร์ต่อๆ กันไป กระทั่ง “หมอหนู”เข้ามาตอบ และซูฮกในความสามารถ

“ขอบคุณที่ช่วยแกะให้ครับ เพราะผมเขียนเสร็จก็อ่านไม่ออก”...แหม..หมอหนูนะหมอหนู ทำไปได้

** “ชีค ฮาซินา” นายกฯ บังกลาเทศ ประกาศบนเวทียูเอ็น บอกชาวโลกว่า “ทนไม่ไหวแล้ว” กับการต้องเลี้ยงดูผู้อพยพ “โรฮิงญา” เพื่อแลกกับคำหรู “เพื่อมนุษยธรรม” ตามที่ชาติมหาอำนาจยกมาอ้าง...ฟังเธอแล้วก็นึกถึง “ธนาธร” ที่เคยประกาศนโยบายสิทธิมนุษยชน โอบอุ้มโรฮิงญา ถ้าได้เป็นรัฐบาล...แต่ตอนนี้แม้เป็นฝ่ายค้าน ก็รับมาทำงานที่ “ไทยซัมมิท” ได้นะ
ชีค ฮาซินา
ควันหลงจากการประชุม United Nations General Assembly ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยก็ได้รับเชิญไปร่วมกล่าวสุนทรพจน์ด้วย...

แต่ที่จะกล่าวถึงนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ “ลุงตู่” ไปพูดถึงเรื่อง “กูเกิล”... แต่เป็นสุนทรพจน์ของ “ชีค ฮาซินา” (Sheikh Hasina)นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ที่นำประเด็นผู้อพยพ “โรฮิงญา” ที่กำลังกลายเป็นฝันร้ายของบังกลาเทศขึ้นมาบอกเล่า เพื่อเรียกร้องให้นานาชาติ เข้ามาช่วยกันดูแล แก้ไข

เพราะด้วยคำพูดที่สวยหรูว่า “เพื่อมนุษยธรรม” ของชาติมหาอำนาจทั้งหลาย ทำให้บังคลาเทศ ต้องรับชาว “โรฮิงญา” ที่หนีภัยจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยรัฐบาลพม่าเข้ามาดูแล... “ชีค ฮาซินา” เธอบอกว่าโรฮิงญาไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับการสร้างปัญหาด้านความมั่นคงให้แก่บังกลาเทศ ทั้งการฆาตกรรม ฉกชิงวิ่งราว สังหารนักการเมืองท้องถิ่น ขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ขนอาวุธเถื่อน และพร้อมยิงสู้กับตำรวจ จนต้องมีการวิสามัญฆาตกรรมกันเดือนละหลายสิบราย ...

ไม่เพียงคดีอาชญากรรมเท่านั้นที่เพิ่มพรวดพราด แต่ “อัตราการเกิด” การออกลูกออกหลานของโรฮิงญาก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย มีเด็กแรกเกิดเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 60 คน คือ วันละ 2 คน หรือมากกว่านั้น ... เป็นอย่างนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว

จนเธอต้องดิ้นรน เดินทางไปเยือนเพื่อพบผู้นำประเทศมหาอำนาจระดับภูมิภาคต่างๆ ทั้ง รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น มาเลย์ ซาอุดีอาระเบีย ออสเตรเลีย รวมถึงเหล่านักการทูตในสหประชาชาติ เพื่อร้องขอให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ...ไม่ว่าจะเรื่องการเงิน หรือช่วยเรียกร้อง กดดัน “รัฐบาลพม่า” ให้รับชาวโรฮิงญากลับประเทศไปเสียที เพราะบังกลาเทศ แบกรับปัญหาไม่ไหวแล้ว... แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบรับจากประเทศมหาอำนาจเหล่านั้น... แถมยังจะออกไปในทางถือหาง เอาใจรัฐบาลพม่าเสียอีก เพราะผลประโยชน์ในที่ดินเดิมของโรฮิงญา ที่พม่ากำลังนำไปใช้พัฒนา เตรียมสร้างนิคมอุตสาหกรรม รอรับการลงทุนจากชาติมหาอำนาจเหล่านั้น...

“ชีค ฮาซินา” บอกว่า เหตุการณ์ ที่ทำให้เธอเริ่มจะหมดความอดทนกับเรื่องนี้ก็คือ เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่บังกลาเทศ จะต้องเริ่มส่งตัวผู้ลี้ภัยโรฮิงญากลับพม่า ตามที่ทั้งสองประเทศได้ทำสัญญาใน MOU กันไว้ แต่ล้มเหลว... เพราะไม่มีใครยอมลงทะเบียนกลับพม่าเลยสักคน ทั้งๆ ที่เตรียมแผนไว้ว่าจะส่งกลับไปสักประมาณพันหัว เตรียมรถบัส รถบรรทุก ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายโรฮิงญาไม่ยอมกลับพม่า ... เพราะพม่าได้สร้างเงื่อนไข ให้คนโรฮิงญา ไม่กล้ากลับบ้าน ...จนเธอต้องมาประกาศกร้าวบนเวทีสหประชาชาติ ฟ้องต่อชาวโลกว่า “ปัญหาโรฮิงญาเป็นปัญหาของพม่า ไม่ใช่ปัญหาของบังกลาเทศ” และถ้ายังปล่อยปัญหาไว้อย่างนี้ ปัญหาจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่พม่า หรือ โรฮิงญาเท่านั้น แต่มันกำลังกลายเป็นปัญหาที่คุกคามระดับภูมิภาคเอเชียใต้ ...

นายกฯ บังกลาเทศยังพูดประชดแกมขู่ว่า ถ้าเธอมาพูดถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครมาช่วยแก้ปัญหา ก็จะส่งโรฮิงญาไปอยู่บนเกาะปิดตาย ที่ Bhasan Charใน อ่าวเบงกอล ให้รู้แล้ว รู้รอดไป ...ไม่สนแล้วกับคำว่า “สิทธิมนุษยชน” หรือ “มนุษยธรรม”...

ฟังคำของ “ชีค ฮาซินา” ที่ระบายความอัดอั้นตันใจแบบ “สุดจะทน” แล้วให้นึกถึงนักการเมืองไทยระดับเศรษฐีคนหนึ่ง ... คนนั้นก็คือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”... เพราะคนคนนี้ มีจุดยืนที่ยึดมั่นในเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อพยพโรฮิงญา และมองไกลถึงขั้นที่ว่า หากไทยต้องการมีที่ยืนในเวทีโลกต้องการเป็นผู้นำอาเซียน ก็ควรเปิดรับผู้อพยพโรฮิงญามาดูแล...
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
“ธนาธร” เคยโพสต์เฟซบุ๊กในช่วงแรกที่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เพื่อลงสนามเลือกตั้ง ประมาณกลางปี 2561 ในหัวข้อ “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง-สิทธิมนุษยชน-และไทยในเวทีโลก”...โดยเล่าถึงประสบการณ์ตรงของเขา เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ที่ได้ไปเยี่ยมค่ายผู้อพยพชาวภูฏานที่ประเทศเนปาล ได้ไปสัมผัสความทุกข์ยากของผู้อพยพแล้วให้สะท้อนใจว่า คนกลุ่มนี้ ...ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีความฝัน ไม่มีโอกาส ไม่มีอนาคต ... แล้ว “ธนาธร” ก็นำมาเปรียบเทียบกับผู้อพยพโรฮิงญา ที่ล่องเรือเข้ามาขึ้นฝั่งทางภาคใต้ของไทย และถูกรัฐบาลไทยผลักดันออกไป หรือจับกุม ส่งกลับ ...

“ธนาธร” โพสต์ว่า ... เมื่อตั้งพรรคการเมือง หลายคนถามผมว่า หากพรรคเราได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนในเวทีโลก? คำตอบของผม คือเราต้องเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งทางการเมือง และทางเศรษฐกิจ สร้างอาเซียนให้มีอำนาจต่อรองในเวทีโลก และเป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน...เรามีทั้งศักยภาพ และพลัง ทางเศรษฐกิจเพียงพอ ที่จะสร้างให้ไทยเป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ เราสามารถนำประเทศในอาเซียนได้ ถ้าเราหันกลับมายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และหลักสิทธิมนุษยชนสากล...

การผลักไสผู้อพยพโรฮิงญา เป็นการหาทางออกที่ง่ายแต่ “ขัดต่อหลักมนุษยธรรม” และเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ยั่งยืน... ถ้าพรรคเรามีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะยื่นมือของคนไทยไปให้พวกเขา และจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างกระฉับกระเฉง ด้วยการเปิดการพูดคุยกับรัฐบาลพม่าอย่างมียุทธศาสตร์ ใช้เวทีอาเซียน เป็นตัวกลางแก้ปัญหานี้ร่วมกัน ... เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาล่องลอยอย่างเดียวดายในทะเล ถูกผลักไสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...

ถึงตอนนี้ ก็อยากบอกกับ “ทอน” ว่า แม้จะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะมีโอกาสได้ใช้นโยบายโอบอุ้มโรฮิงญา แต่ “ทอน” ก็มีธุรกิจระดับหมื่นล้าน อย่าง “ไทยซัมมิท” อยู่ในมือ ก็น่าจะรับโรฮิงญา มาเป็นแรงงานในโรงงาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ “ชีค ฮาซินา” บ้างก็ได้นะ เพื่อ “ทอน” จะได้มีที่ยืนอย่างสง่างามในเวทีโลกไง


กำลังโหลดความคิดเห็น