โฆษกรัฐบาล เผย 33 สถานี กทม.และปริมณฑล มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 ที่กลับมาเกินเกณฑ์มาตรฐาน แจงเป็นสถานการณ์ก่อนวิกฤติ ยันไม่ได้รอแต่ธรรมชาติช่วยมีมาตรการ พร้อมเร่งแจกหน้ากากปชช.
วันนี้ (30ก.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กลับมาเกินเกณฑ์มาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานตัวเลขจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งสถานการณ์เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความกังวลซึ่งเช้าวันเดียวกันนี้ข้อมูลล่าสุดที่นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และการประชุมในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าขณะนี้ค่าฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ตรวจวัดได้ที่ระหว่าง40 ถึง 78 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานทั้งหมดอยู่ถึง 33 สถานี ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตบางขุนเทียน เขตปทุมวัน เขตธนบุรี เขตวังทองหลาง เขตดินแดง เขตสัมพันธวงศ์ เขตพญาไท เขตบางรัก เขตสาทร เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตจตุจักร เขตคลองสาน เขตบางกอกน้อย เขตภาษีเจริญ เขตคลองเตย เขตบางซื่อ เขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตบางพลัด และบริเวณถนนสิริธร นอกจากนั้น ยังมีที่บริเวณ อ.บางกรวย และ อ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี บริเวณ อ.คลองหลวงจังหวัดปทุมธานี บริเวณ อ.เมือง อ.พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ อ.กระทุ่มแบน และ อ. เมือง จังหวัดสมุทรสาคร บริเวณ และที่บริเวณ อ.เมือง จังหวัดนครปฐม ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าเกือบทุกพื้นที่ คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรายงานถึงสถานการณ์และแผนการปฏิบัติการที่จะดำเนินการต่อไปหลังจากที่เราเคยมีบทเรียนมาแล้ว ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงว่าได้มีการแจ้งเตือนกับประชาชนไปเรียบร้อยแล้ว อาทิไม่ให้มีการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือสตรีที่มีครรภ์และเด็ก ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้รายงานความคืบหน้าถึงมาตรการคุมเข้มในเรื่องของรถยนต์สาธารณะและรถยนต์ทั่วไปเรื่องของควันดำ ซึ่งหากมีควันดำที่เกินเกณฑ์มาตรฐานรถสาธารณะต้องหยุดเพื่อทำการซ่อมปรับปรุงก่อน ซึ่งแผนระยะยาวก็จะต้องไปดูในเรื่องการใช้น้ำมันที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อยลงรวมทั้งการใช้รถยนต์ที่ทำให้ไม่มีฝุ่นและควันอันตราย
นางนฤมล กล่าวยืนยันว่า การแก้ปัญหารัฐไม่ได้รอให้ธรรมชาติหรือปริมาณฝนช่วยเพียงอย่างเดียว ซึ่งขณะนี้มีมาตรการและแผนปฏิบัติการต่างๆสำหรับการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้คาดจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้งซึ่งมีแผนในการรับมือสามระยะระยะแรกคือการก่อนเกิดวิกฤติ ระยะที่สองคือเมื่อเกิดวิกฤติแล้วจะทำอย่างไร และสามหลังวิกฤตจะมีการดำเนินการแก้ไขเยียวยาอย่างไร
“ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์อยู่ในขั้นเกิดก่อนวิกฤติ วันนี้ถือว่าฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแต่เป็นช่วงที่เข้ามาหลงฤดู ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าถ้าหากเป็นไปได้ก็ให้ทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณะสุขได้เร่งจะจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนด้วย