"บิ๊กนัต" รับตำแหน่งผบ.ทอ. ลั่นชี้แจงงบฯได้ มีแผนรับหมอก-ควัน แนะแก้ที่ต้นน้ำ

ทอ.จัดพิธีรับส่งหน้าที่ผบ.ทอ.ใหม่ "มานัต" รุ่นพี่ฝากพัฒนาบุคลากร รับผิดชอบหน้าที่ สมัครสมานสามัคคี เชื่อนำทอ.เจริญก้าวหน้า เจ้าตัวยันเรื่องงบฯมีกลไกชัดเจน มั่นใจแจงฝ่ายค้านได้ เผยเตรียมแผนรับหมอก-ควันไว้แล้ว แนะPM 2.5 แก้ที่ต้นน้ำ

วันนี้ (30 ก.ย.) กองทัพอากาศ จัดพิธีรับส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)ระหว่าง พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ซึ่งเกษียณอายุราชการ กับ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.คนใหม่ โดยมีพิธีสวนสนามและมอบการบังคับบัญชาบริเวณลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช

สำหรับพิธีสวนสนามฯ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศ ได้จัดกองทหารเกียรติยศ จำนวน 4 กองพัน ประกอบด้วย กองพันนักเรียนนายเรืออากาศ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ,กองพันนักเรียนจ่าอากาศ โรงเรียนจ่าอากาศ ,กองพันทหารอากาศโยธิน รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ,กองพันต่อสู้อากาศยาน รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน เข้าร่วมการสวนสนาม

พร้อมกันนั้นได้จัดหมู่บินขับไล่สมรรถนะสูงของกองทัพอากาศ จำนวน 4 หมู่บินทำการบินสวนสนาม ได้แก่ หมู่บินที่1 EAGLE ทำการบินด้วยเครื่องบินขับไล่ เอฟ-5จำนวน 4 เครื่อง 10 หมู่บินที่ 2 VIPER ทำการบินด้วยเครื่องบินขับไล่เอฟ -16จำนวน 4 เครื่อง หมู่บินที่ 3 SHARK ทำการบินโดยเครื่องบิน กริฟเพ้น จำนวนส4 เครื่อง หมู่บินที่ 4 DRAGO ทำการบินด้วยเครื่องบินขับไล่และฝึกจำนวน 4 เครื่อง

พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ทอ.เจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยความวิริยะอุตสาหะของบุพการีทหารอากาศ และอดีตผู้บังคับบัญชา ที่มีความเสียสละมุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนากองทัพอากาศ ให้เป็นกองทัพที่มีเกียรติ ศักดิ์ศรี มีศักยภาพสมกับเป็นกำลังรบหลักทางอากาศของประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของทหารอากาศทุกท่านที่จะต้องช่วยกันสืบสานงานพัฒนากองทัพอากาศของเราอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนากองทัพในทุกด้านให้เจริญก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้ พวกเราทุกคนจะต้องมีความสำนึกรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ มีความสมัครสมานสามัคคี ยึดมั่นในคุณธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงให้กับกองทัพอากาศของเรา

พล.อ.อ. ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ พล.อ.อ.มานัต รับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่ง ผบ.ทอ. นั้นพล.อ.อ.มานัต เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล อีกทั้งมีประสบการณ์ทั้งในด้านการบินการบริหาร และวิทยาการแขนงต่าง ๆ พร้อมทั้งเป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม และมีจิตใจโอบอ้อมอารี จึงเชื่อมั่นว่าท่านจะเป็นผู้นำกองทัพอากาศสร้างความเจริญก้าวหน้า เป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาคที่พวกเราทุกคนจะต้องช่วยเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่อประโยชน์สูงสุดของกองทัพอากาศ ประเทศชาติและประชาชนต่อไปในโอกาสที่ผมจะพ้นจากหน้าที่

ขณะที่ พล.อ.อ. มานัต กล่าวว่าตลอดระยะเวลาที่ได้ปฏิบัติราชการในกองทัพอากาศ ได้ประจักษ์ถึงขีดความสามารถในการทำงานของพล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ตลอดมา ท่านเป็นนักปกครองและเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของกำลังพลให้มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้ที่ดำรงตนอย่างเรียบง่าย ยึดมั่นในคุณธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุ่มเทและเสียสละ เพื่อกองทัพอากาศและประเทศชาติจนมีความเจริญก้าวหน้ามั่นคง ตนขอยืนยันในความเคารพที่มี ต่อท่านจะระลึกถึงคุณงามความดี พร้อมทั้งจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะนำพากองทัพอากาศและจะปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา โดยยึดหลักนิติธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม เสริมสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนกองทัพอากาศ ก้าวสู่กองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นอกจากนี้พล.อ.อ.มานัต ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งภายใต้ลักษณะงานการสร้างคนถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกองทัพอากาศจะมียุทธศาสตร์ใหม่ Air power And cyber space ที่ต้องการคนที่มีความฉลาดมาก และมีความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงมีคุณธรรมและจริยธรรม มีจิตวิญญาณ มีวินัยขยันและหมั่นเพียร โดยจะเริ่มใช้ในปีค.ศ.2020 ถือเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับพวกเรา ทั้งนี้อยากให้ช่วยกันเพื่อบ้านเมืองเพราะทุกภารกิจถือว่ามีส่วนสำคัญและเราจะเป็นเสาค้ำจุนกลับร่วมกับทุกเหล่าทัพ โดยจะกอดคอร่วมกันไปทุกเหล่าทัพ

พล.อ.อ.มานัต ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ว่า ทั้งหมดอยู่ที่การจัดสรรเวลา คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตนผ่านชีวิตการทำงานราชการมามาก ที่ผ่านมาก็ทำงาน 24 ชั่วโมงครบทั้ง 7 วัน ไม่มีบกพร่อง

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าเข้ามารับตำแหน่งในช่วงที่กระแสสังคมมีความรู้สึกไม่ดีกับกองทัพ พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า เราเป็นทหารของชาติ และทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งประชาชนก็จะเห็นเอง เมื่อถามว่าจะต้องเว้นระยะห่างจากการเมืองอย่างไรบ้าง พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า ทหารเป็นเครื่องมือของรัฐบาลเราจะต้องทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

เมื่อถามถึงกรณีการเตรียมข้อมูลในส่วนของกองทัพอากาศ เพื่อชี้แจงในวันประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 พ.อ.อ.มานัต กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก ส่วนที่การเมืองพุ่งเป้ามาที่กองทัพเรื่องการใช้งบประมาณนั้นคิดว่าเรามีกลไกที่ชัดเจนและปฏิบัติตามกฎหมายหลายฉบับที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.งบประมาณ หรือพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งนี้การจัดทำงบประมาณได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์ที่เป็นแผนระยะยาว ซึ่งกองทัพอากาศทำมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว

เมื่อถามว่า ในส่วนของกองทัพอากาศมีโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใดเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า มีแน่นอน เพื่อเป็นการรักษาขีดความสามารถของกองทัพ ซึ่งก็มีหลายส่วนทั้งในส่วนของซื้อใหม่และในส่วนของการปรับปรุงพัฒนา แต่จะเน้นการปรับปรุงพัฒนาโดยใช้ 4.0 ที่สร้างขึ้นมาภายในประเทศเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นให้ฝ่ายค้านได้เข้าใจหรือไม่ พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า “ใช่ เพราะมีประสบการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการยกระดับหรืออัพเกรดอาวุธยุทโธปกรณ์ของเก่าโดยใช้ภูมิปัญญาของคนไทยเข้าไปจัดการเกือบทั้งหมดซึ่งตรงนี้ถือว่าประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก”

พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ. )กล่าวถึงการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาหาหมอกควันและฝุ่นละอองว่า เราทำงานร่วมกับรัฐบาลมานานแล้ว จากบทเรียน มกราคมปีที่แล้ว รวมถึงช่วงปลายปี2561 ทำให้ปีนี้กองทัพอากาศได้เริ่มดำเนินการเตรียมแผนไว้ร่วมกับกระทรวงกลาโหม รวมถึงภาคส่วนของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมความในการเผชิญเหตุก่อนจะถึงช่วงเดือนมกราคม ที่จะประสบปัญหาใหญ่ของทุกปี รวมถึงช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งทางกองทัพอากาศก็ได้ฝึกซ้อม แผนการเตรียมเผชิญเหตุ และคาดว่าเดือนพฤศจิกายนก็จะเจอ เหตุการณ์เช่นนี้อีกหนึ่งรอบ ในเรื่องไฟป่า

เมื่อถามถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า ขณะนี้ต้องศึกษาวิจัยกันให้ชัดเจน ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ซึ่งตนคิดว่าเราควรจะแก้ไขปัญหาที่ต้นน้ำมากกว่า โดยดูว่าอะไรที่ทำให้ก่อให้เกิดฝุ่น เพราะปกติแล้วก็จะไม่เกิดฝุ่นละอองลักษณะนี้ แต่บังเอิญในช่วงความกดอากาศต่ำ ลงมาถึงกรุงเทพฯ ก็จะต้องหาวิธีการไม่ให้ปล่อยข้างล่างขึ้นสู่ข้างบน น่าจะเป็นหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด