“ปภัสรินทร์” บุก กกต.ทวงความคืบหน้าลาออกอนาคตใหม่ เผยยังไม่ได้รับการขอโทษกรณีถูก กก.บห.ป้ายสีคาเวทีพรรค ย้ำวงศ์ตระกูลเสียหาย ลั่นต้นทุนสูงเช่นกัน ไม่แคร์ “ธนาธร” รวยแค่ไหน ผญบ.ช่วยยันเรื่องจริง
วันนี้ (27 ก.ย.) นางปภัสรินทร์ ชาตรีธีรสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมายัง กกต.เพื่อติดตามความคืบหน้าการยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ที่ได้มายื่นต่อ กกต.ไว้เมื่อวันที่ 17 ก.ย. พร้อมให้สัมภาษณ์ยืนยันว่ายังไม่ได้รับการติดต่อจากบุคคลใดของพรรคเพื่อขอโทษกรณีกรรมการบริหารพรรคตั้งคำถามในลักษณะกล่าวหาว่าตนเคยใส่ร้ายป้ายสีนายไพรัฎฐโชติ จันทรขจร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 พรรคอนาคตใหม่ และพยายามล็อบบี้สมาชิกพรรคเพื่อให้เลือกตนเองเป็นผู้สมัคร โดยเหตุเกิดในเวทีการสรรหาผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ดังนั้น การที่นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่าได้มาทำความเข้าใจกับตนเองในเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง โดยวันนี้ยังคงรอคำตอบจากการกระทำของกรรมการบริหารพรรคทั้ง 6 คน และได้นำพยานที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านซึ่งอยู่ในเหตุการณ์มายืนยัน รวมทั้งส่วนตัวกำลังปรึกษาทนายในเรื่องการฟ้องหมิ่นประมาทต่อกรรมการบริหารพรรคทั้ง 6 คนที่กล่าวหาด้วย
“ไม่มีใครหรือพรรคส่งใครมาทำความเข้าใจในเรื่องนี้เลย วันนี้ดิฉันยังรอคำตอบจากพวกคุณ สิ่งที่คุณกระทำทำให้ประชาชนเขต 5 เข้าใจผิด ดิฉันรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย พรรคอนาคตใหม่พูดเสมอว่าการเป็นนักการเมืองการทำทุจริตนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่วันนี้ดิฉันถูกกล่าวหาจากการกระทำของพวกคุณ ครอบครัวเดือดร้อน วงศ์ตระกูลเสียหาย พี่น้องก็จะลงเลือกตั้งท้องถิ่น จึงอยากให้พรรคออกมาชี้แจง มาขอโทษเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม”
นางปภัสรินทร์ยังกล่าวว่า ก่อนวันประชุมเพื่อเลือกผู้สมัครของพรรค ผู้อำนวยการพรรคได้ไปทาบทาม ยืนยันว่าการคัดเลือกโปร่งใส ตนพยายามสอบถามว่ามีคนของพรรคอยู่หรือไม่ เพราะพร้อมจะถอนตัว แต่ไม่เข้าใจว่าพอแสดงวิสัยทัศน์ทำไมจึงเอาคำถามที่ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือถามความจริงจากตนก่อนมาถาม เหมือนกันต้องการนำมาตนเชือด ถ้าเรื่องนี้เกิดกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็คงจบไปแล้ว แต่ที่ตนเป็นคนต้นทุนสูง ไม่สนว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะรวยขนาดไหน แต่ต้องการความเป็นธรรมและคำขอโทษจากพรรค อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งเขต 5 นครปฐม ที่ไม่ได้ลงสมัครก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเทคะแนนให้กับพรรคการเมืองอื่นเพราะตนไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยอาฆาต
ด้านนายประพร หิรัญรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บางเลน อ.สองพี่น้อง จ.นครปฐม ที่นางปภัสรินทร์อ้างเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันคัดเลือกผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ วันนั้นตนไปสังเกตการณ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม กก.บห.พรรคอนาคตใหม่จึงเอาคำถามแบบนั้นมาถาม ทั้งที่เมื่อไปฟังคลิปเสียงที่มีการอ้างว่ามีเสียงนางปภัสรินทร์ก็ไม่พบว่ามีเสียงนางปภัสรินทร์ มีแต่เสียงคนสองคนพูดคุยกันว่านางปภัสรินทร์ให้ช่วยคนนั้นคนนี้ มาช่วยเหลือในการโหวต ซึ่งไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร
“มองว่าก่อนที่จะเอาคำถามนั้นมาตั้ง ควรมีการตรวจสอบก่อนว่าคลิปเสียงมาจากไหน ฝ่ายตรงข้ามทำมาเพื่อ แบล็กเมล์หรือเปล่า แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น เขาถามเหมือนมีคำตอบในใจอยู่แล้วจะเลือกใคร แต่มาถามดิสเครดิต พูดให้ประชาชนเข้าใจว่าเขาเล่นไม่ซื่อ แต่หากจะมีการล็อบบี้คุณปภัสรินทร์ก็แพ้อยู่ดี เพราะตามกฎต้องใช้คะแนนจากคณะกรรมการบริหารพรรคร้อยละ 60 และจากสมาชิกพรรคร้อยละ 40 แม้ประชาชนจะเลือกคุณปภัสรินทร์ทั้งหมด แต่ถ้าคณะกรรมการมีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว คุณปภัสรินทร์ก็จบ”
