“สนธิ” มองจากประสบการณ์ “อนาคตใหม่” อาจอยากให้พรรคตัวเองถูกยุบ เชื่อจะได้ความเห็นใจจากคนรุ่นใหม่มากขึ้นเพราะมองว่าถูกรังแก ชี้การเมืองไม่มีอะไรดีขึ้น ยกกรณีแบนพาราควอต ยังให้คน 29 คนมากำหนดชีวิตคนไทยทั้งประเทศ ชม “มนัญญา” ใช้ได้ สู้เพื่อคนไทย แต่ “เฉลิมชัย” กลับนิ่ง ถ้า 29 คนมีปัญหา ทำไมไม่เสนอยุบแล้วตั้งใหม่
วันนี้ (27 ก.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวระหว่างการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ตอนหนึ่งว่า ตนไม่ได้เข้าข้างพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ไม่ได้สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่อยากจะพูดจากประสบการณ์ว่า ใครก็ตามที่มีคนรุ่นใหม่ชื่นชม ถ้าเราไปแกล้งเขา ไปบีบเขามากขึ้น ใครจะไปรู้ว่าพรรคอนาคตใหม่อาจจะอยากให้พรรคตัวเองถูกยุบ เพราะถ้ายุบพรรคได้ คนที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคอนาคตใหม่ก็อาจจะเฮ แต่หารู้ไม่ นั่นคือการย้อนประวัติศาสตร์ที่ตนเคยสู้กับนายทักษิณ ชินวัตร ก็จะมีคนจำนวนมากมายมหาศาลเห็นใจพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธรขึ้นมาทันที ตรงนี้ต้องขอเตือนไว้ก่อน พูดอย่างผู้ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์มา
นายสนธิกล่าวว่า คนรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นอนาคตของบ้านเมือง ไม่รู้หรอกว่านายธนาธรมีเบื้องหลังอย่างไร ไม่รู้ว่านายธนาธรเคยให้เงินสนับสนุน “นิตยสารฟ้าเดียวกัน” ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ไม่รู้ว่าบริษัท ไทยซัมมิตของครอบครัวนายธนาธรมีปัญหากับคนงาน แต่คนรุ่นใหม่เหล่านั้นเห็นด้วยกับสิ่งที่นายธนาธรพูด และคิดว่านี่คือแสงสว่าง
นายสนธิกล่าวอีกว่า หลังจากตนเองเข้าไปอยู่ในเรือนจำ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน เมื่อออกมาก็ยังพบว่าการเมืองขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยกตัวอย่างกรณีการแบน “สารพาราควอต” ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ให้คน 29 คนมากำหนดชีวิตคนไทย 65 ล้านคน ต้องชื่นชมนักการเมืองอย่าง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นคนใช้ได้ พรรคภูมิใจไทยก็ใช้ได้ ต่อสู้ให้ประชาชนหลายเรื่อง แต่ที่เสียใจ คือ ทำไมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ นิ่งเงียบ กรรมการ 29 คน ถ้ามีปัญหานัก ทำไมไม่เสนอ ครม.ให้ยุบแล้วตั้งขึ้นมาใหม่ ปล่อยให้สารพิษพวกนี้มาทำร้ายประชาชนต่อไปได้ยังไง แม้กระทั่งนายกฯ ที่เคยถูกอิทธิพลข้าราชการประจำครอบงำมาก่อน มาเป็นนายกฯ ในยุคประชาธิปไตยครึ่งค่อนใบ ก็ยังปรับเปลี่ยนจุดยืนมาเห็นด้วยกับการยกเลิกสารพิษ แต่ชีวิตคนไทยทั้งหมดก็ยังอยู่ในเงื้อมมือของคน 29 คน นี่ไงเมืองไทย เปลี่ยนเสียที่ไหน