นายกรัฐมนตรีปาฐกถาที่ Asia Society มีผู้บุกชูป้ายประท้วง ก่อนเจ้าหน้าที่รวบตัว ระบุเป็นรัฐบาลปีที่ 6 เจอปัญหาทุกรูปแบบแต่ไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว บอกเป็นทหารต้องเสียสละ มีวินัย ทำงานต้องสำเร็จ ไม่สำเร็จคือตาย เพราะครอบครัวสละตนเองให้ประเทศชาติไปแล้ว
วันนี้ (26 ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการแสดงปาฐกถาที่ Asia Society มีผู้มาชูป้ายประท้วง พร้อมตะโกนชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในงานได้รวบตัวออกจากห้อง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพียงว่า Hello, Thank you ก่อนที่จะปาฐกถาต่อไป พร้อมกล่าวว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ดีที่สุดในโลกและเป็นที่ยอมรับในสากล แต่ขอให้เข้าใจประเทศไทย หากได้รับความร่วมมือสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ความขัดแย้งก็จะลดลง ไม่มีการประท้วงเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้อง พร้อมบอกว่าคนที่มาประท้วงไม่รู้ว่ามาจากชาติไหนเช่นเดียวกับคนที่มาประท้วงหน้าโรงแรมที่พัก 20 กว่าคน ซึ่งไม่มีคนไทยสักคน แต่ตนไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เพราะมีงานที่สำคัญกว่ามากกว่าที่จะไปทะเลาะกับคนเหล่านี้ ทำให้เสียเวลา หลายคนบอกว่าประเทศไทยมีความขัดแย้งสูง ไทยจะเป็นเสือตัวที่เท่าไหร่ตนไม่สน แต่จะเป็นเสือทั้ง 10 ตัวเดินหน้าไปด้วยกันในอาเซียน ซึ่งผู้นำประเทศทุกคนสัญญากับตนจะเป็นเสือ 10 ตัวเดินไปข้างหน้าโดยไม่ทะเลาะกัน
ส่วนปัญหาทางการเมืองในไทยก็ว่ากันไป แต่ต้องไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และในฐานะที่เป็นรัฐบาลจนเข้าสู่ปีที่ 6 เจอปัญหามาแล้วทุกรูปแบบ แต่พร้อมรับฟังทุกปัญหาโดยนำกลไกต่างๆ มาปรับแก้ตามสถานการณ์ไม่ใช่ใช้วิธีทางทหารอย่างเดียว เพราะการเป็นทหารคือการทำงานด้วยความเสียสละ อดทนอดกลั้น ทำงานด้วยความจริงใจ เพราะทหารมีวินัย การทำงานต้องสำเร็จถ้าไม่สำเร็จอย่าไปทำ เพราะทหารสั่งคนไปรบสั่งคนไปตาย ถ้ายึดที่หมายไม่ได้ก็ตายไปเลยนั่นคือทหาร ตนทำสำเร็จทุกครั้งจึงได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ หากทำไม่ได้ ไม่เก่ง ก็ตายไปเลย นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจตนตลอดมา ไม่เคยคิดถึงประโยชน์ของตนเอง แม้ครอบครัวเป็นห่วงก็ต้องยอมเพราะสละตนให้ประเทศชาติไปแล้ว ยืนยัน 5 ปีที่ผ่านมาตนทำหน้าที่บทบาทเชิงรุก ทุกครั้งที่มีการประชุมต้องได้ข้อยุติไม่ใช่ประชุมแล้วพูดลอยๆ
พร้อมยืนยันว่าประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและเป็นที่ยอมรับ โดยสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกๆ ที่ออกแถลงการณ์ยอมรับผลการเลือกตั้งของไทย ใครจะว่าตนไม่เป็นประชาธิปไตย หลายประเทศก็เป็นลักษณะนี้ ส่วนปัญหาขัดแย้งภายในเป็นเรื่องภายในประเทศที่จะต้องแก้ไขซึ่งทุกประเทศย่อมมีปัญหา แต่ขออย่าไปฟังสิ่งที่บิดเบือนในโซเชียลมีเดีย
วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ใครมีคำสั่งศาลถือว่าไม่ใช่คนดี พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ถามผู้บริหารเอเชียโซไซตี้ว่าสนับสนุนคนเหล่านี้หรือไม่ บางเรื่องไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีอาญา ยืนยันไม่เคยทำผิดกฎหมายแม้ว่าจะเข้ามาลักษณะนี้ และไม่ได้อยากเข้ามา แต่เพราะไทยมีปัญหาไม่อยากให้เกิดสงครามการเมืองต้องจึงต้องเข้ามายุติปัญหา