เปิดชื่อ 6 คณะทำงาน มท.3 “ทรงศักดิ์ ทองศรี” ตั้งอดีตผู้ว่าฯ บุรีรัมย์-อดีตอธิบดีกรมการปกครอง “มงคล สุระสัจจะ” ยุค ภท.ครองมหาดไทย นั่งประธานคณะทำงานชุดล่าสุด พบเคยนั่งอธิบดี ปค.ยุคถูกสอบซื้อคอมพ์ฉาว 3.49 พันล้าน ไม่โปร่งใสจนถูกร้องเรียน ป.ป.ช. เผยมติ ครม.ยุคมาร์ค เกือบตั้งเป็นปลัด มท. สุดท้ายสั่งหัก ภท.ชะลอแต่งตั้ง สั่งยุบทิ้งโครงการจัดซื้อ
วันนี้ (25 ก.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย (มท.3) จากพรรคภูมิใจไทย ลงนามแต่งตั้งคณะทำงาน รมช.มหาดไทย ประกอบด้วย นายมงคล สุระสัจจะ เป็นประธานคณะทำงาน โดยมีคณะทำงานประกอบด้วย นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ น.ส.อรษา โพธิ์ทอง นายณัฐพันธ์ เกสรกุล นายสมเกียรติ กิจเจริญ และนายสนธยา อินทยุง โดยให้คณะทำงานมีหน้าที่ให้คำปรึกษา ประสานกลั่นกรองและติตตามงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในกกับของ รมช.มหาดไทย และตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
ทั้งนี้ นายมงคลเป็นอดีตผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ โดยในช่วงเป็นอธิบดีกรมการปกครอง นายมงคลเคยออกมาแถลงไม่รับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรียุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามมติ ครม. 11 ส.ค.2553 แต่ถูกชะลอคำสั่งภายหลัง โดยนายอภิสิทธิ์ตัดสินใจใช้อำนาจในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ชะลอการเสนอชื่อนายมงคลขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อรักษากฎเหล็ก 9 ข้อที่เคยประกาศต่อสังคม และให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายมงคลถูกกล่าวหาทุจริตการเช่าซื้อคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทย โดยนายมงคลให้เหตุผลการไม่ขอรับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้ว่า เพื่อให้การบริหาราชการแผ่นดินสามารถดำเนินไปได้ และไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในกระทรวง ซึ่งนายมงคลยืนยันว่าเป็นการดำเนินการเป็นไปด้วยความสุจริตและโปร่งใส
สำหรับโครงการการเช่าซื้อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบตามโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชน ด้านการทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ของกระทรวงมหาดไทย วงเงินประมาณ 3,490 ล้านบาท ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนการสอบสวนปัญหาความไม่ชอบมาพากล ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ โดยโครงการดังกล่าวมีข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่าเป็น โครงการที่ไม่โปร่งใส เพราะทั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นโดยกระทรวงมหาดไทย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และดีเอสไอ ได้เห็นตรงกันว่าการประกวดราคาไม่เป็นไปตามกรอบการทำงาน (ทีโออาร์) เพราะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว และเห็นว่าควรจะมีการประกวดราคาใหม่ให้ถูกต้อง
โดยโครงการนี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย สมัยนั้นลงนามนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อขอความเห็นชอบ โดยยุคนั้นมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นายธานี สามารถกิจ เป็นคณะทำงานของ รมว.มหาดไทย
สำหรับการจัดซื้อดังกล่าวมีการสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการในขั้นตอนต่างๆ โดย ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ได้แจ้งให้นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงรวม 6 คนทราบสถานะผู้ถูกกล่าวหา เช่น นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย, นายมงคล สุระสัจจะ, นายธานี สามารถกิจ รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี, นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รักษาการผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์, นายมานิต วัฒนเสน อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ
โดยโครงการนี้ นายอภิสิทธิ์มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ทำให้รัฐเสียหายเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542
ส่วนคณะทำงานคนอื่นๆ ในยุค มท.3 อย่างนายวิรัตน์ เป็นอดีตผู้ว่าฯ หนองคาย โดยเพิ่งเกษียณอายุราชการ หลังจากกระทรวงมหาดไทย ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีคำสั่ง กระทรวงมหาดไทย ที่ 425/2557 เรื่องยกเลิกคำสั่งให้ช่วยราชการ โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่า ให้ยกเลิกคำสั่งที่ 375/2557 ลงวันที่ 9 ก.ค. 57 ที่ให้นายวิรัตน์ มาช่วยราชการประจำกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 57 โดยช่วงนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้เหตุผลในการโยกย้ายนายวิรัตน์เนื่องจากมีข้อครหาว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์ในพื้นที่ แต่ไม่พบว่ามีความผิด
ขณะที่ น.ส.อรษา เป็นอดีตผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายสมเกียรติ เป็นนักธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถโดยสารจากประเทศจีน
ขณะที่คณะทำงานชุดปปัจจุบันของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มี 11 ราย ประกอบด้วย นายธวัชชัย ฟักอังกูร, นายประชา เตรัตน์, นายวัลลภ พริ้งพงษ์, พล.อ.ไตรรัตน์ รังคะรัตน, พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก, พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์, นายวิชา นิลเพชร์พลอย, นายธนา ยันตรโกวิท, นายยงยุทธ โกเมศ, นายสายสุรีย์ บุนนาค และนายวุฒิเดช ศรีสุทธิสุริยา


