xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”เยือนยูเอ็น-มะกัน เครือข่ายแม้วต้องคลั่งอีกครั้ง !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา


ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้สำหรับบางกลุ่มการเมืองที่ยึดเอา “ประชาธิปไตย” เป็นที่ทางทำมาหากินและได้โอกาสเคลื่อนไหวเป็นระยะ โดยเฉพาะภาพและความเคลื่อนไหวในสื่อออนไลน์แบบถี่ยิบในช่วงเวลานี้ ซึ่งบางคนก็ไม่ต้องอธิบายอะไร เพียงแค่เห็นหน้าก็ต้องส่ายหัวกันแล้ว เพราะเป็นอดีต ส.ส.เป็นอดีตเครือข่ายพรรคการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร มานานหลายปี ผสมโรงกับพวกที่หลบหนีคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นเบื้องสูง โดยพวกนี้สถาปนาตัวเองว่าเป็น “นักประชาธิปไตย” ระดับโลก เคลื่อนไหวในแบบสากลนิยม

แน่นอนว่าตามกำหนดการที่ประกาศออกมา หลังจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปสหรัฐอเมริกาในช่วงวันที่ 21-27 กันยายนนี้ ตามกำหนดจะไปกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 74 และที่น่าติดตามก็คือมันยังมีวาระการหารือกันนอกรอบทั้งกับเลขาธิการสหประชาชาติ บรรดาผู้นำประเทศคนสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ร่วมงานเลี้ยงผู้นำที่ทางประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเจ้าภาพในตอนเช้าวันที่ 24 กันยายน

ซึ่งในวันดังกล่าวนี่แหละ อาจจะได้เห็นภาพการหารือกันระหว่าง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แบบไม่เป็นทางการในช่วงเวลาสั้นๆก็ได้ ซึ่งภายในงานดังกล่าวนี่แหละอาจเป็นไฮไลท์สำคัญ ที่อาจสร้างแรงส่งทางการเมืองมาถึงประเทศไทยก็เป็นได้

อย่างไรก็ดีในเวลานี้หลายคนอาจมึนงงกันไปแล้วสำหรับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำในโลกประธานาธิบดีของตะวันตกได้อีกหรือไม่ จากหลายแนวนโยบายที่เริ่มสวนทางกับความรู้สึกและหลักปฏิบัติของโลกที่เคยเป็นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือคำจำกัดความในด้านสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตยที่เปลี่ยนแปลงไป มายึดโยงอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศเป็นธงนำหรือไม่

แต่ถึงอย่างไรด้วยความที่ยังเป็นประเทศมหาอำนาจก็ยังสามารถกำหนดทิศทางของโลกหรือสร้างแรงกดดันให้กับบางประเทศที่ตัวเองต้องการกำหนดก็มีให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งตัวอย่างที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนก็คือกรณีที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย หากจำกันได้ในช่วงแรกที่เกิดการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ทางรัฐบาลสหรัฐฯได้ลดระดับความสัมพันธ์ทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งแม้รัฐบาลไทยจะมีรูปแบบเป็น “เผด็จการ” แต่ทางสหรัฐฯก็เริ่มมีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กลับมาอีกครั้งในแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนสำคัญเชื่อกันว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ของสหรัฐฯกำลังถูกคุกคามจากอีกฝ่าย เช่น จีนที่กำลังขยายอิทธิพลลงมาในย่านทะเลจีนใต้ และเอเชีย และเกรงว่าไทยจะหันแนบแน่นกับทางจีนมากขึ้น

ที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ 2-4 ตุลาคม ปี 2560 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เปิดทำเนียบขาวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปเยือน มีการหารือกันแบบทวิภาคี จนทำให้พวกนักประชาธิปไตยในประเทศไทย และเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามแทบอกแตกตายมาแล้ว เพราะในเวลานั้นยังถือว่าประเทศไทยยังปกครองแบบเผด็จการแบบเต็มขั้นด้วยซ้ำไป และจากการเปิดเผยของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากการหารือดังกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้สอบถามถึงการเมืองในประเทศไทยหรือมีความกดดันใดๆ จนสร้างความแปลกใจ และตัวเองเสียอีกที่ได้พูดเน้นย้ำว่าการทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ปที่กำหนดเอาไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นมองอีกด้านหนึ่งสหรัฐฯในยุคนี้ได้ยึดเอาผลประโยชน์เป็นเรื่องที่เห็นกันได้ชัดเจนมาก

หากพิจารณากันถึงเรื่องการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งการไปกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในสมัยสามัญประจำปี และการได้ร่วมงานเลี้ยงที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ รวมไปถึงการได้พบกับผู้นำอีกหลายประเทศในคราวนี้ มันน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเดินทางไปในช่วงหลังการเลือกตั้งย่อมต้องได้รับการยอมรับมากกว่าเดิม และที่สำคัญในฐานะที่ไทยอยู่ในฐานะสำคัญทั้งการเป็นประธานอาเซียน จุดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาค ย่อมทำให้เป็นจุดสนใจมากกว่าแต่ก่อน

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะได้เห็นเครือข่ายพวกนักประชาธิปไตยที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกับ ฝ่ายการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร กำลังเคลื่อนไหวเพื่อหาทางต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยหวังจะฉีกหน้าในช่วงที่กำลังเดินทางไปเยือน แต่จะทำได้แค่ไหน เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้แล้ว มันจะได้ผลหรือเปล่า ก็ต้องรอพิสูจน์ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น