“สุชาติ” พร้อมทีม อบจ.แปดริ้ว กาวใจชาวบ้านสนามชัยเขต-มูลนิธิอนุรักษ์ช้างฯ หลังปล่อยข่าวใช้ความรุนแรงแก้กัญหาช้างป่า แนะสื่อสารข้อเท็จจริงให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง “เลขาฯมูลนิธิฯ” รับให้ข่าวจนเกิดความสับสน พร้อมรับผิดชอบออกจากพื้นที่
เมื่อวันที่ 16 ก.ย.62 ที่หอประชุม อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ฉะเชิงเทรา, นายไพรินทร์ หนูมาก ประธานสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา และนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมสังเกตการณ์ เวทีเฉพาะกิจสานเชื่อมความเข้าใจ ระหว่างเครือข่ายประธานกำนันและชมรมผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กับมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม (มูลนิธิฯ) กรณีมูลนิธิฯให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ในพื้นที่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาช้างป่า ด้วยการใช้รถไถขับไล่ช้าง และมีการใช้ระเบิดปิงปอง และปืนที่ใช้กระสุนจริงในการขับไล่ผลักดันช้างที่ออกมากัดกินผลผลิตทางการเกษตรในที่ทำกินของชาวบ้าน จนเป็นกระแสข่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับชาวบ้านรวมถึงส่งผลต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฎิบัติงานในพื้นที่
โดย เครือข่ายประธานกำนันและชมรมผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้ยื่นหนังสือ และอ่านแถลงการณ์ว่า เรื่องดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่ให้ข่าวนี้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวไม่เช่นนั้นจะมีการแจ้งความเอาผิดในเรื่องดังกล่าว
“การให้ข่าวออกทางสื่อว่า มีการใช้รถไถขับไล่ผลักดันช้างออกนอกพื้นที่และการใช้ระเบิดปิงปองและกระสุนจริงในการผลักดันช้างออกนอกพื้นที่ทำกินของชาวบ้านนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเจ้าหน้าที่เสียขวัญกำลังใจ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้น” แถลงการณ์ ระบุ
ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเข้ามาดูแลการแก้ปัญหาของช้างในเขตป่ารอยต่อ ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวและยอมรับว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลกับทางสื่อมวลชนเอง ซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนและเข้าใจผิดไปบ้างในบางกรณีหากผิดพลาดก็คงต้องขอโทษชาวบ้านในพื้นที่ และทางมูลนิธิฯคงขอถอนตัวออกจากพื้นที่เป็นลำดับต่อไป
โอกาสนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรในพื้นที่และรับทราบปัญหาในเรื่องนี้มาตลอด ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว การให้ข่าวที่คลาดเคลื่อนนั้นบางครั้งก็สร้างความเสื่อมเสียให้กับคนในพื้นที่ รวมทั้งผู้ที่ปฎิบัติงานอยู่ก็จะเสียขวัญกำลังใจในการทำงาน จึงอยากขอความร่วมมือทางมูลนิธิฯได้ให้ข้อเท็จจริงเพื่อแก้ไขข่าวที่คลาดเคลื่อน ส่วนทางมูลนิธิฯ คิดที่จะวางมือในเรื่องนี้ ก็รู้สึกเสียดาย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ก็คงต้องวางแนวทางการแก้ไขปัญหานี้กันต่อไป
“ผมได้รับทราบปัญหานี้มาตลอด โดยจะเป็นผู้ที่จะคอยช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาอีกทางหนึ่ง เบื้องต้นชาวบ้านได้มีการยื่นหนังสือในปัญหาที่เกิดขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว และรอการดำเนินการวางมาตรการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป” นายสุชาติ ระบุ.
เมื่อวันที่ 16 ก.ย.62 ที่หอประชุม อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ฉะเชิงเทรา, นายไพรินทร์ หนูมาก ประธานสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา และนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมสังเกตการณ์ เวทีเฉพาะกิจสานเชื่อมความเข้าใจ ระหว่างเครือข่ายประธานกำนันและชมรมผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กับมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม (มูลนิธิฯ) กรณีมูลนิธิฯให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ในพื้นที่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาช้างป่า ด้วยการใช้รถไถขับไล่ช้าง และมีการใช้ระเบิดปิงปอง และปืนที่ใช้กระสุนจริงในการขับไล่ผลักดันช้างที่ออกมากัดกินผลผลิตทางการเกษตรในที่ทำกินของชาวบ้าน จนเป็นกระแสข่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับชาวบ้านรวมถึงส่งผลต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฎิบัติงานในพื้นที่
โดย เครือข่ายประธานกำนันและชมรมผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้ยื่นหนังสือ และอ่านแถลงการณ์ว่า เรื่องดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่ให้ข่าวนี้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวไม่เช่นนั้นจะมีการแจ้งความเอาผิดในเรื่องดังกล่าว
“การให้ข่าวออกทางสื่อว่า มีการใช้รถไถขับไล่ผลักดันช้างออกนอกพื้นที่และการใช้ระเบิดปิงปองและกระสุนจริงในการผลักดันช้างออกนอกพื้นที่ทำกินของชาวบ้านนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเจ้าหน้าที่เสียขวัญกำลังใจ จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้น” แถลงการณ์ ระบุ
ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเข้ามาดูแลการแก้ปัญหาของช้างในเขตป่ารอยต่อ ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวและยอมรับว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลกับทางสื่อมวลชนเอง ซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนและเข้าใจผิดไปบ้างในบางกรณีหากผิดพลาดก็คงต้องขอโทษชาวบ้านในพื้นที่ และทางมูลนิธิฯคงขอถอนตัวออกจากพื้นที่เป็นลำดับต่อไป
โอกาสนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรในพื้นที่และรับทราบปัญหาในเรื่องนี้มาตลอด ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว การให้ข่าวที่คลาดเคลื่อนนั้นบางครั้งก็สร้างความเสื่อมเสียให้กับคนในพื้นที่ รวมทั้งผู้ที่ปฎิบัติงานอยู่ก็จะเสียขวัญกำลังใจในการทำงาน จึงอยากขอความร่วมมือทางมูลนิธิฯได้ให้ข้อเท็จจริงเพื่อแก้ไขข่าวที่คลาดเคลื่อน ส่วนทางมูลนิธิฯ คิดที่จะวางมือในเรื่องนี้ ก็รู้สึกเสียดาย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ก็คงต้องวางแนวทางการแก้ไขปัญหานี้กันต่อไป
“ผมได้รับทราบปัญหานี้มาตลอด โดยจะเป็นผู้ที่จะคอยช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาอีกทางหนึ่ง เบื้องต้นชาวบ้านได้มีการยื่นหนังสือในปัญหาที่เกิดขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว และรอการดำเนินการวางมาตรการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป” นายสุชาติ ระบุ.
