ประธาน กสม.แจงสรรหา กสม.ใหม่ล่าช้าไม่กระทบ พ.ร.บ.งบฯ 64 ศาลเตรียมตั้ง กก.ชั่วคราวทำให้ชุดปัจจุบันมีจำนวนไม่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด โวยผู้ปล่อยข่าวจับองค์กรเป็นตัวประกัน บีบให้สรรหาโดยเร็ว
วันนี้ (16 ก.ย.) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยืนยันว่าความล่าช้าในการสรรหา กสม.ชุดใหม่ไม่ส่งผลกระทบให้การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 ล่าช้าออกไปด้วย เพราะตามปฏิทินการเสนอของบประมาณ จะให้แต่ละหน่วยงานเสนอภายในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 อีกทั้งขณะนี้ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุดกำลังร่วมกันพิจารณาแต่งตั้งกรรมการชั่วคราวไม่น้อยกว่า 1 คน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 เพื่อให้ กสม.ชุดปัจจุบันสามารถประชุมและมีมติในกิจการต่างๆ รวมทั้งการเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ได้ตามกำหนดเวลา และเมื่อมีการแต่งตั้งกรรมการชั่วคราวตามกฎหมายในเร็วๆ นี้จะทำให้ กสม.ชุดปัจจุบันมีจำนวนไม่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด สามารถประชุมและลงมติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ โดยเฉพาะการออกรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิฯ กว่า 80 เรื่อง และพิจารณารับเรื่องร้องเรียนไว้เป็นคำร้องเพื่อตรวจสอบและมอบหมายให้องค์กรที่เกี่ยวข้องดำเนินการคุ้มครองสิทธิของประชาชนกว่า 60 เรื่อง ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็นวาระที่สะสมมาตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา และพร้อมที่จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาทันทีที่ กสม.สามารถเปิดประชุมได้
“เรื่องการสรรหา กสม.ชุดใหม่เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาและวุฒิสภา ไม่ขอก้าวล่วง เพราะเป็นดุลพินิจขององค์กรทั้งสองที่อ้างว่าสรรหาล่าช้า จะส่งผลกระทบต่อการบริหารงานในหน่วยงาน เพราะจะขาดงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายเป็นเงินเดือนพนักงานและอื่นๆ นั้น นอกจากเป็นข่าวที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการจับสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทยเป็นตัวประกัน กดดันให้คณะกรรมการสรรหาและวุฒิสภาพิจารณาผ่าน กสม.ชุดใหม่โดยเร็ว ตามวาระซ่อนเร้นของผู้ที่ออกมาให้ข่าวลอยๆ”
นายวัสกล่าวด้วยว่า ปัญหา กสม.เหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง และไม่สามารถประชุมลงมติในกิจการของ กสม.ได้นั้น ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ปัจจุบัน พ.ร.ป.กสม.ปี 2560 มาตรา 22 ได้บัญญัติทางออกในเรื่องนี้ไว้ โดยให้ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุดร่วมกันแต่งตั้งกรรมการชั่วคราวมาเสริมเพื่อทำหน้าที่ไปพลางก่อน จนกว่าการสรรหาและแต่งตั้งตามปกติจะแล้วเสร็จ ซึ่งตนได้แจ้งให้ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุดร่วมกันแต่งตั้งกรรมการชั่วคราวมากว่า 45 วันแล้ว และหวังว่าคำสั่งแต่งตั้งคงมาถึงในเร็วๆ นี้