เมืองไทย 360 องศา
เป็นเรื่องเป็นราวให้น่าคิดขึ้นมาแบบไม่น่าเชื่อ สำหรับผลโหวตในญัตติด่วนที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาตรวจสอบการดำเนินการในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา และการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีการพิจารณารวม 4 ญัตติของ ส.ส.โดยหลังการอภิปรายได้มีการขอมติจากที่ประชุม ว่า สมควรจะตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯหรือไม่ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมลงมติไม่เห็นด้วยด้วยคะแนน 231 ต่อ 224 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นการลงมติไม่ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เรื่องดังกล่าวมีการเปิดเผยออกมาสู่ภายนอก หลังจากที่ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย และในฐานะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ ระบุว่า “สภาเพื่อประชาชน อย่าเล่นกลเกมการเมือง” ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ส.ส.ซีกรัฐบาลส่วนใหญ่ไม่ลงชื่อเข้าประชุม ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ท่านประธานอาจสั่งเลื่อนหรือเลิกประชุมได้ จำเป็นต้องทักท้วงไว้ครับ
ทั้งนี้ หลังจากมีการทวีตข้อความดังกล่าวออกไป ทำให้มี เอกชัย ไชยนุวัติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสยาม ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ญัตติอีอีซี เสียงพรรคฝ่ายค้านหายไป 23 ท่าน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลงมติค้านด้วยนะครับ” โดยต่อมา ชลน่านยอมรับว่า “ครับพรรคเพื่อไทยนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบแล้วครับ ขาด 16 คน เบื้องต้น ส.ส.ที่ลงคะแนนไม่เห็นด้วยได้ทำหนังสือชี้แจงแล้วว่าลงผิดพลาด ส.ส.5 ท่านยืนยันว่าได้ลงคะแนน แต่ไม่มีผลการลงคะแนนออกมา มีพยานรับรองว่าอยู่ในห้องปะชุม 4 คนป่วยครับ ที่เหลือตรวจสอบเป็นรายบุคคลครับ”
เมื่อพิจารณาจากข้อความทวีตของชลน่าน ศรีแก้ว ก็ทำให้ได้รับรู้ว่า ในการลงมติในญัตติด่วนดังกล่าวมี ส.ส.ฝ่ายค้านโหวตสวนทางจริงๆ และหากพิจารณาจากข้อสังเกตของ เอกชัย ไชยนุวัติ ก็ยังได้รู้อีกว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่โหวตสวนทางรวมแล้วจำนวน 23 คน และเมื่อหักออกจาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยอีก 16 คน ก็ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเสียงของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะมีการระบุว่ามีการสองสวนและชี้แจงออกมาแล้วว่า มีการลงมติผิดพลาด หรือว่า ลงคะแนนแล้วแต่ผลคะแนนไม่ปรากฏออกมา และมี 4 คนที่ป่วย ก็อาจรับฟังได้ในระดับหนึ่ง แต่มันก็น่าสังเกตที่ในระดับ ส.ส.หากลงคะแนนผิดพลาด หรือลงคะแนนแล้วคะแนนไม่ปรากฏนั้นหากชี้แจงแบบนี้ มันก็น่าคิดเหมือนกันว่า “ระดับปัญญา” ของพวกเขามันอยู่ในระดับไหนกันแน่ เพราะต้องไม่ลืมว่าการเป็นตัวเองปวงชนมันสำคัญ ไม่ใช่ระดับเด็กประถมหรืออนุบาล ที่ทำให้การลงคะแนนผิดพลาดได้ขนาดนั้น หรือถ้ามีก็ย่อมต้องมีการทักท้วงได้ทันที เหมือนกับที่มักเคยเห็นการยกมือประท้วงในที่ประชุมจนน่ารำคาญก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี มองในมุมของพรรคเพื่อไทยก็พอเข้าใจได้ว่าอาจเป็นเพียง “แก้เกี้ยว” ในเรื่องข้ออ้างเรื่องการลงคะแนนของ ส.ส.ผิดพลาด แต่ที่ต้องพิจารณากัน ก็คือ ส.ส.จำนวนถึง 16 คน ที่ลงมติสวนทาง และกำลังมีการสอบสวนเป็นรายบุคคลนั้นถือว่า “น่าคิด” ไม่น้อย และเมื่อมีการระบุว่า มีฝ่ายค้าน “โหวตสวน” จำนวน 23 คน นั่นก็หมายความว่ายังมีอีก 7 คน ที่เป็น ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคการเมืองอื่น
แน่นอนว่า หากพิจารณากันเฉพาะเรื่องโครงการอีอีซี ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ ถือว่าเป็น “เรือธง” สำหรับรัฐบาลที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการขับเคลื่อนการลงทุนมาตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา และตอนนี้ก็กำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในเรื่องของการลงทุน และการพัฒนาต่อยอด ซึ่งหากพิจารณากันในทางการเมืองรัฐบาลก็คงไม่ยอมให้โครงการดังกล่าวต้องสะดุด หรือถูกขัดขวาง อย่างแน่นอน
การที่ฝ่ายค้านพยายามเสนอญัตติด่วนเพื่อให้มีการตรวจสอบโครงการลงทุนในอีอีซี นั้น ก็ต้องบอกว่าสำหรับฝ่ายรัฐบาลแล้วคงยอมไม่ได้ เพราะกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนที่กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ และขณะเดียวกัน ย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า และเสียงของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่ “หายไป 23 เสียง” นั้นเป็นพวก “งูเห่า” ที่เริ่มเลื้อยออกมาหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีการพูดแย้มออกมาจากแกนนำรัฐบาลบางคนที่บอกว่าได้นำเสียงเข้ามาเติมในฝ่ายรัฐบาลจำนวนหนึ่งแล้ว หลังจากที่ฝ่ายพรรคเล็กบางพรรคถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านอิสระในสภาแล้ว
แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคแกนนำของฝ่ายค้าน การที่มี ส.ส.ที่ลงมติสวนทางออกมาถึง 16 คน แม้ว่าจะอ้างว่ามีการชี้แจงไปแล้วว่าลงมติผิดพลาด และพวกป่วยไม่เข้าห้องประชุม แต่เมื่อหักลบมาออกให้เห็นตัวเลขแล้ว ก็มีจำนวนนับสิบคน ก็ถือว่าไม่ธรรมดาและเสียหน้าไม่น้อย และที่น่าจับตามองก็คือเป็นพวก “งูเห่า” ที่เริ่มออกมาเพ่นพ่านแล้วหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีปัญหาระหองระแหงกันในภายในถึงขั้นมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ส.ส.พรรคเดียวกันเมื่อครั้งไปต้อนรับ “บิ๊กตู่” ขณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และล่าสุดก็มีเรื่องถึงขั้นลงไม้ลงมือกันในห้องหัวหน้าพรรคกันเลยทีเดียว!