xs
xsm
sm
md
lg

เปิดไทม์ไลน์เหตุฟิลิปปินส์ยกเลิกนำเข้าข้าว ตปท.-จีทูจี “พาณิชย์-ต่างประเทศ” เจ้าภาพเจรจา ไทยแฮปปี้!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปิดไทม์ไลน์ เหตุ “ฟิลิปปินส์” ยกเลิกโควตานำเข้าจากต่างประเทศ-ยกเลิกจีทูจี ก.พาณิชย์-ก.ต่างประเทศ เจ้าภาพร่วมเจรจาแฮปปี้! ส่งออกข้าวไทยเสรี-เพิ่มมากขึ้น เหตุคู่ค้าประสบปัญหาข้าวขาดตลาด-ราคาพุ่ง เปิดช่องไทยส่งออกเพิ่ม ด้าน “จุรินทร์” เตรียมยกคณะผู้ส่งออกค้าข้าวเยือนฟิลิปปินส์เร็วๆ นี้

วันนี้ (11 ก.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากกรณี น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าฟิลิปปินส์ได้ยกเลิกการจำกัดปริมาณการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ และยกเลิกการซื้อแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เนื่องจากที่ผ่านมาประสบปัญหาข้าวขาดตลาด และมีราคาสูง โดยการยกเลิกโควตาจะนำไปสู่การซื้อขายข้าวอย่างเสรีในฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเป็นโอกาสของผู้ส่งออกข้าวไทยไปขายฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้น

โดยวาระดังกล่าว ครม. รับทราบว่า รัฐบาลไทย ไม่จำเป็นต้องต่ออายุบันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ ไปอีก 2 ปี คือ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2561 - 31ธันวาคม 2563 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 ตามข้อ 1.1

เนื่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์แจ้งว่า ได้ออกกฎหมายการเปิดเสรีนำเข้าข้าว (Republic Act No. 11203) ยกเลิกการจำกัดปริมาณนำเข้าข้าว โดยให้ผู้นำเข้าเอกชนสามารถนำเข้าข้าวได้อย่างเสรี เป็นผลให้ NFA ซึ่งเป็นหน่วยงานนำเข้าข้าวของรัฐบาลฟิลิปปินส์จะไม่นำเข้าข้าวอีกต่อไป ทำให้ ฟิลิปปินส์ไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ดังกล่าวได้

โดยเรื่องเดิมนี้ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2562 กระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี( สลค.) เสนอเรื่องการต่ออายุบันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา และเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ไปอีก 2 ปี คือ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2561 - 31 ธันวาคม 2563 และให้กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศต่อไป

“เพื่อให้รัฐบาลไทยสามารถเข้าร่วมประมูลขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ เนื่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ กำหนดให้ประเทศที่จะสามารถเข้าร่วมประมูลขายข้าวแบบ G to G กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้จะต้องจัดทำบันทึก ความตกลงฯ ดังกล่าวกับรัฐบาลฟิลิปปินส์แล้วเท่านั้น”

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศให้ความเห็นในประเด็นการจัดทำหนังลือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ว่าในการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายฟิลิปปินส์ มิได้มอบหนังลือมอบอำนาจเต็มของฝ่ายฟิลิปปินส์ และแจ้งในภายหลังว่าในกรณีนี้ฟิลิปปินส์ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือมอบอำนาจเต็ม

ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ควรหารือกับฝ่ายฟิลิปปินส์ว่า ในครั้งนี้มีความจำเป็นต้องแสดงหนังลือมอบอำนาจเต็มหรือไม่ และหากทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าไม่จำเป็นต้องแสดงหนังลือมอบอำนาจเต็ม กระทรวงพาณิชย์จะต้องแจ้ง คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้มีบันทึกถึงสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ขอความอนุเคราะห์สอบถามฝ่ายฟิลิปปินส์เกี่ยวกับความจำเป็นในการแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็มสำหรับการต่ออายุบันทึกความตกลงๆ ดังกล่าว

และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา แจ้งว่าได้ประสานเป็นการภายใน กับหน่วยงาน National Food Authority (NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานนำเข้าข้าวของรัฐบาลฟิลิปปินส์ แล้วได้รับแจ้งว่า ขอให้ติดต่อสอบถามกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์โดยตรง เนื่องจากบันทึกความตกลงฯ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์

โดยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 กรมการค้าต่างประเทศ มีหนังสือถึงกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งข้อเท็จจริงตามข้อ 2.1 และขอความอนุเคราะห์กระทรวงการต่างประเทศ สอบถามกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เกี่ยวกับความจำเป็นในการแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็มสำหรับ การต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ดังกล่าว เพื่อดำเนินการต่ออายุบันทึกความตกลงฯ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ของทั้งสองฝ่ายตามที่ฝ่ายฟิลิปปินส์เสนอต่อไป

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 กระทรวงการต่างประเทศ มีหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ได้มีหนังสือแจ้งว่า โดยที่กฎหมายการเปิดเสรีนำเข้าข้าว (Republic Act No. 11203) ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่ง NFA จะไม่นำเข้าข้าวอีกต่อไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอการต่ออายุบันทึกความตกลงๆ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2561 - 31 ธันวาคม 2563

ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายดังกล่าวผู้ค้าเอกชนสามารถนำเข้าข้าวได้อย่างเสรี คาดว่าจะทำให้ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าว มากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ไทยจะสามารถขยายการส่งออกข้าวไปยังฟิลิปปินส์

กระทรวงพาณิชย์ ยังได้รายงาน ครม.ว่า ไทยมีความได้เปรียบจากการเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวหลัก และเป็นประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะเสียภาษีนำเข้าข้าวในอัตรา 35% เทียบกับคู่แข่งที่อยู่นอกอาเซียนต้องเสียภาษีนำเข้า 50% และถูกจำกัดการซื้อไว้ที่ 3.5 แสนตันเท่านั้น ในช่วงปี 2557-61 ไทยเข้าร่วมประมูลเพื่อขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ไทยชนะ 6 ครั้ง และไทยสามารถส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ได้ 1.1 ล้านตัน มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เมื่อเปิดเสรีการซื้อขายข้าวของฟิลิปปินส์แล้วเป็นโอกาสดีที่ไทยจะส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น

มีรายงานว่า ในเร็วๆ นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ จะนำคณะผู้ส่งออกไทยเดินทางไปฟิลิปปินส์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ รวมถึงอาจจะพบปะกับหน่วยงานนำเข้าของฟิลิปปินส์ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น