xs
xsm
sm
md
lg

ดราม่า หนัง “13หมูป่า” “โค้ชเอก”โต้ไม่รู้จริง “ถ้าได้เงินป่านนี้สบายไปแล้ว” **เพื่อไทยไฟต์!! 2 ส.ส.อีสาน ปะทุอารมณ์เดือด ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันต่อหน้า หัวหน้าพรรค

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข่าวปนคน คนปนข่าว




**ดราม่า หนัง “13หมูป่า”หรือว่าจะซ้ำรอย “นรกคนงานเหมืองชิลี”บังเกิด แม้รอดชีวิตได้จากถ้ำ แต่ไม่รอดโดนขย้ำจากสื่อสังคม! “โค้ชเอก”โต้ไม่รู้จริง “ถ้าได้เงินป่านนี้สบายไปแล้ว” รำพึง “ชีวืตหนอชีวิต”

เรื่องของ13 ชีวิตทีมหมูป่า กลับมาเป็นดรามากันในโลกโซเซียลฯ กันยกใหญ่ เมื่อภาพยนตร์ “THE CAVE นางนอน” ที่สร้างจากเหตุการณ์บีบหัวใจคนทั่วโลก กับภารกิจถ้ำหลวง จ.เชียงราย ถูกปล่อยตัวอย่างแรก ออกมาเรียกกระแสไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ... ก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์ โจมตีกันไปต่างๆ นาๆ แต่รวมความมุ่งไปที่ ชีวิตความเป็นอยู่ของของน้องๆ และ "โค้ชเอก" เอกพล จันทะวงษ์ น่าจะอยู่ดีกินดีขึ้น มีเงินมีทองใช้จากหนังเรื่องนี้

ร้อนถึง "โค้ชเอก" ต้องออกมาตอบโต้ชาวเน็ตด้วยการโพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว เป็นภาษาคำเมือง "บ่ะฮู้ดีไปมาว่าเตอะครับ....ถ้าได้เงินได้ทองแต๊ป่านนี้สบายไปแล้ว...ตึงวันนี้ข้าวปอจะบ่ะมีกินละ...ยังมาว่าได้เงินได้ทองอยู่เนาะ...ชีวิตหนอชีวิต"...

ความหมายของ"โค้ชเอก" ก็แปลความได้ว่า ไม่รู้อะไร ก็ว่ากันไป ถ้าได้เงินได้ทองมาจริงๆ ป่านนี้สบายไปแล้ว ทุกวันนี้ข้าวยังไม่มีกิน ยังมาว่าได้เงินได้ทองอยู่อีก ...ภายหลังข้อความของโค้ชเอก ออกไปก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจกันล้นหลาม โดยขอให้อย่าเก็บมาคิดมากกับคำคนที่ไม่หวังดี และให้คิดถึงคนที่ร่วมกันปฏิบัติภารกิจ เสี่ยงตายช่วยเหลือพวกเขาออกมา เพื่อสู้กับชีวิตกันต่อไป
13 ชีวิตทีมหมูป่า
หนังเรื่อง "THE CAVE นางนอน" เตรียมที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 28พ.ย.นี้ โดยมีคำให้สัมภาษณ์ของ ผู้กำกับหนังชื่อดัง “ทอม วอลเลอร์”จาก เดอะ วอร์เรนท์ พิกเจอร์ ผู้สร้างว่า หนังตั้งใจจะบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน! ผ่านมุมมองของอาสาสมัคร ความเสียสละ และความมุ่งมั่น เพื่อช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตให้สำเร็จ แม้จะอันตรายแค่ไหนก็ตาม

"ทอม วอลเลอร์" บอกว่า อยากให้ผู้ชมได้ชมเรื่องที่เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งเลือกเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจมาถ่ายทอดให้เห็นถึงเบื้องหลังปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้ ...อยากให้คนดูได้นึกย้อนไปถึงความรู้สึกในวันนั้น เหมือนเหตุการณ์นั้นกำลังถูก replayอยู่ตรงหน้า หากแต่ครั้งนี้จะได้เห็นหลายๆอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนในครั้งนั้น

สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับต้องการสื่อมากที่สุดผ่านหนังก็คือ การมารวมตัวกันของคนที่มาจากทั่วทุกสารทิศ ความสามัคคี และพลังของความตั้งใจ เพราะมองว่า ปัจจุบันนี้ ความสวยงามของความรักใคร่ ปรองดอง และสามัคคีในสังคมปัจจุบันนั้น ถูกมองข้ามไป เขาอยากใช้ "The Cave นางนอน" ดึงมันกลับมา และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย

ในส่วนของนักแสดงเรื่องนี้ มีทั้งมืออาชีพ และอาสาสมัครตัวจริงบางส่วนที่เคยเข้าร่วมภารกิจ นำโดย "จิม วอร์นี่" นักดำน้ำชาวเบลเยี่ยม , "เอริก บราวน์" ครูสอนดำน้ำชาวแคนาดา, "ถัน เซี่ยว หลง" ครูสอนดำน้ำในถ้ำชาวจีน, "มิคโค พาซี" นักดำน้ำชาวฟินแลนด์ และ "นภดล นิยมค้า" ผู้ผลิตเครื่อง สูบน้ำเทอร์โบเจ็ท ที่สร้างปรากฏการณ์สำคัญจากงานนี้

ทีนี้ย้อนกลับมาที่ "ทีม 13 หมูป่าและโค้ชเอก" ในชีวิตจริง... อันที่จริงก่อนหน้าที่จะมีดรามาจากหนัง "ถ้ำหลวง" ก็กังวลกันอยู่ก่อนแล้วว่า ชีวิตหลังจากที่เรื่องนี้ถูกนำไปทำเป็นหนัง จะไปซ้ำรอยกับชีวิตคนงานที่รอดชิวิตจากเหมืองในประเทศชีลี เมื่อ 8-9 ปีก่อนหรือไม่ ...ทำนองว่า "รอดชีวิตมาได้จากนรกในเหมือง แต่กลับมาเผชิญนรกยิ่งกว่าจากสื่อ"

ตอนนั้น คนงานเหมืองชิลี 33 คน พอรอดชีวิตออกมา ก็ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ในชื่อเรื่อง “The 33” โดยผู้กำกับ "แพทริเซีย ริกเกน" และได้นักแสดงระดับโลกอย่าง "แอนโตนิโอ บันดารัส" มาสวมบทบาทเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนงานเหมือง ที่มีส่วนในการพาทุกชีวิตให้เอาตัวรอดมาได้ ...หนังทุ่มทุนสร้าง 24.9 ล้านเหรียญฯ ทำเงินไปแค่ 26 ล้านเหรียญฯ แต่หนังก็เป็นที่รู้จักมากพอสมควร ส่วนคนงานเหมืองหลายคนที่ได้มีส่วนร่วมในฐานะที่ปรึกษาด้านข้อมูลของหนัง ได้รับกระแสวิจารณ์ทั้งด้านบวก และลบ หนังได้เปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจ ทั้งเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในตลอด 69 วัน และวิธีการช่วยเหลือทุกคนออกมา...

ว่ากันว่า พอหนังออกมา คนงานหลายคนกลับเจอ "นรกสื่อ" ทั้ง วิตกกังวล กับสายตาของคนอื่น รู้สึกว่ามีคนมองว่าพวกเขาเป็นพวกฉวยโอกาส ที่หวังจะร่ำรวย หวังว่าจะกลายเป็นคนดังจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

นอกจากหนังฮอลลีวูดแล้ว ชีวิตของคนงานเหมืองยังถูกถ่ายทอดลงในหนังสือหลายเล่ม ตอนเริ่มต้นทั้ง 33 คน ได้สัญญาร่วมกันว่า จะไม่พยายามหาผลประโยชน์ และรายได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยลำพัง และจะรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบนี้ต่อไป เพื่อให้ทุกคนได้รับส่วนแบ่งอย่างเท่าเทียม จนถึงขั้นมีการร่วมกันตั้งบริษัทขึ้นมา แต่เมื่อพวกเขากลายเป็นคนดังโดยไม่รู้ตัว บางคนก็เริ่มมีความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มเห็นต่างเพราะผลประโยชน์...

ในปี 2015 คนงานเหมือง 9 คน ได้ตัดสินใจฟ้องทนายความของกลุ่ม ว่าจัดการแบ่งรายได้อย่างไม่ถูกต้อง โดยพวกเขาเชื่อว่า บริษัททำเงินได้ถึง 150 ล้านเหรียญฯ หรือเกือบๆ 5 พันล้านบาท แต่เหล่าคนงานเหมืองกลับได้รับเงินก้อนดังกล่าว เพียง 17% เท่านั้น มีคนงานเหมือนบางคนถึงกับบอกต่อศาลว่า "โปรดช่วยเหลือเราอีกครั้งด้วย"

พวกเขายังบอกว่า ต้องการใช้เงิน เพราะแต่ละคนมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง บางคนหางานทำไม่ได้ และต้องปรับตัวอย่างมาก กับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

คนงานอีกหลายๆคน จนถึงทุกวันนี้ ยัง"ฝันร้าย" ไม่หาย เวลาที่คิดถึงคืนวันที่ติดอยู่ในเหมืองซึ่งไม่ต่างจากขุมนรก ... โชคดีที่ว่า มีหลายๆคน แนะนำคนงานเหมืองเหล่านั้นว่า ให้พวกเขาจับมือกันเอาไว้ให้มั่น จับมือครอบครัวเอาไว้ อย่าปล่อยเด็ดขาด เพราะนี่คือหนทางเดียวที่ทุกคนจะเอาตัวรอดจากสื่อ ...จากสังคมที่พร้อมจะ"ดรามา"ได้ทุกเรื่อง

ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทีม 13 หมูป่า ฝ่าฟันเรื่องดรามารบกวนสุขภาพจิตพวกนี้ออกไปให้ได้อีกครั้ง

** เพื่อไทยไฟต์!! 2 ส.ส.อีสาน ปะทุอารมณ์เดือด ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันต่อหน้า หัวหน้าพรรค และผู้หลักผู้ใหญ่ ภายในห้องหัวหน้าพรรค สะท้อนความไม่เป็นเอกภาพภายใน ที่ทำให้ "บิ๊กแป๊ะ" ต้องมาวุ่นวายไปด้วย
นวัธ เตาะเจริญสุข - ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร
เหตุการณ์อื้อฉาวในพรรคเพื่อไทย ที่ 2 ส.ส. ซึ่ง"เขม่น" กันมาก่อนหน้านี้ เมื่อโคจรมาเจอกันแบบไม่ได้คาดคิด อารมณ์เดือดพลันพลุ่ง ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ต่อหน้า "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" หัวหน้าพรรค ภายในห้องทำงานของหัวหน้าพรรค

คู่กรณีที่ว่า คือ "เสี่ยโจ้ "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค กับ "เสี่ยนวัธ" นวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ...โดย "เสี่ยโจ้" เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า หลังประชุมพรรค และรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็เข้าไปกินกาแฟ พูดคุยกับบรรดาผู้หลัก ผู้ใหญ่ ภายในห้องหัวหน้าพรรค จังหวะนั้น "เสี่ยนวัธ" ก็เข้ามาในห้อง พอเจอหน้ากัน ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ... แล้ว "เสี่ยนวัธ" ก็เดินออกจากห้องไป สักครู่ ก็กลับมาพร้อมชายอีก 2 คน ท่าทางเหมือนนักเลง มือปืน เข้ามาล็อกตัว "ส.ส.ยุทธพงศ์" ไว้ จากนั้น "เสี่ยนวัธ" ก็ประเคนฝ่ามือตบไปที่หัวของ ส.ส.ยุทธพงศ์...ทำเอาแกนนำพรรคอีกหลายคน ที่นั่งภายในห้อง อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายเกรียง กัลป์ตินันท์

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ... ต่างตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กัน

หลังเกิดเหตุการณ์ "เสี่ยนวัธ" ก็ระบายความในใจว่า เมื่อลูกผู้ชายโดนหยามศักดิ์ศรี ก็เกิดอารมณ์ แต่ก็ได้ขอโทษผู้ใหญ่ และสมาชิกพรรคไปแล้ว รวมถึงขอฝากขอโทษไปถึงประชาชน ถึงสิ่งที่ปรากฏออกไป พร้อมยืนยันว่า ตนเองมากับน้องชาย ไม่มีนักเลง มือปืน อย่างที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ที่เข้าไปในห้องหัวหน้าพรรค ก็เพื่อจะเอาเสื้อมวยไปแจก เพราะตนเองเป็นโปรโมเตอร์จัดมวยอยู่ เมื่อเจอหน้า"เสี่ยโจ้" จึงอยากเรียกมาคุย มาเคลียร์กันที่ ข้างๆ ห้องหัวหน้าพรรค ใครจะกล้าไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าภายในห้อง หัวหน้าจะได้ดีดออกมา...

ก็เลยไม่รู้ว่า เหตุเกิดในห้อง หรือนอกห้อง เพราะทั้งสองฝ่ายพูดไม่ตรงกัน ... ส่วนสาเหตุที่ทำให้ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ทั้งสองฝ่ายพูดตรงกันว่า มาจากความขัดแย้งระหว่างการอภิปรายในสภา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งมีการพิจารณา รายงานผลการศึกษา การขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน และรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ที่ "เสี่ยนวัธ" อภิปรายว่า มี "ข่าวลือ" ว่า กมธ.บางคนมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา .. ร้อนถึง"เสี่ยโจ้" ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ที่ให้ต่อสัญญาสัมปทาน ต้องลุกขึ้นปกป้องศักดิ์ศรี ว่ากมธ. ชุดนี้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครคดโกง พร้อมเหน็บกลับไปถึงคดีความส่วนตัวของ "เสี่ยนวัธ" จนเกิดปะทะคารมกันขึ้น ... ทำเอา "ครูแก้ว" ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์ ต้องห้ามทัพจ้าละหวั่น ก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกย้ายกันไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น... เมื่อมาเจอกันในรอบนี้ ก็เลยเกิด"เพื่อไทยไฟต์" ขึ้น

เรื่องนี้ทำท่าจะไมใจบภายในพรรค แม้จะมีผู้หลักผู้ใหญ่เรียกไปเคลียร์แล้ว แต่ทางด้าน "เสี่ยโจ้" บอกว่า จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดี และจะไปพบ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้คุ้มครองความปลอดภัยด้วย ไม่อย่างนั้น เวลาไปไหน มาไหน อาจถูกยิงตายก็ได้...

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ แม้จะมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็พอจะเห็นร่องรอยของความร้าวฉาน ความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรค...ส.ส.ไม่เกรงอกเกรงใจ หรือ"เกรงบารมี" หัวหน้าพรรค และผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค ...นี่เป็นเพียง ยกที่ 1 ของ "ศึกเพื่อไทยไฟต์"...ซึ่งแฟนๆ คาดว่าจะมียก 2 ยก 3 ตามมา...


กำลังโหลดความคิดเห็น