xs
xsm
sm
md
lg

ได้ฤกษ์ 1 ต.ค.นี้ "สนง.พิงคนคร" ย้ายพ้นศูนย์ประชุม ไปอยู่ที่ "เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี"ตามมติครม.โอนทรัพย์สินให้ธนารักษ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ได้ฤกษ์ 1 ต.ค.นี้ "สำนักงานพัฒนาพิงคนคร" แจ้งย้ายที่ตั้งสำนักงานฯ พ้นจากที่ศูนย์ประชุม/แสดงสินค้า ไปอยู่ที่ใหม่ "สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี" ตามมติครม. กำหนดวันสิ้นสุดความรับผิดชอบในการดูแล "ศูนย์ประชุมฯ" ตั้งแต่ 30 ก.ย. 61 โอนทรัพย์สินให้ "กรมธนารักษ์" เข้ารับผิดชอบ

วันนี้ ( 9 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (สพค.) มีหนังสือเวียนถึงหน่วยราชการทั่วประเทศ แจ้งว่า สำนักงานพัฒนาพิงคนคร องค์การมหาชน แจ้งย้ายที่ตั้งอาคารสำนักงานจากศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา เลขที่ 456 หมู่ 1 ถนนเลียบคันคลองชลประทาน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300

โดย จะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ "สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี" ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 โดยสามารถติดต่อได้ ที่ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร องค์การมหาชน เลขที่ 33 หมู่ที่ 12 ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 50230

ทั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับการย้ายที่ตั้ง หลังจาก ครม.เห็นชอบร่างกฤษฎีกา ในวันที่ 2 ม.ค.62 ซึ่งมีระยะเวลา 60 วัน ในการลงพระปรมาภิไธย ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2562 โดยมีการเตรียมส่งมอบศูนย์ประชุมฯ ให้กับกรมธนารักษ์ โดยมีบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) เข้ามาดำเนินงานในระยะ 3 ปีแรก ซึ่งมีเครือข่ายในการเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้จัดการประชุมและแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ที่สามารถดึงการประชุม หรืออีเวนต์ขนาดใหญ่ เข้ามาใช้พื้นที่ของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯเชียงใหม่ได้ในอนาคต

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.62 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ.2562 ให้ยุบเลิกสำนักงานฯ แต่ให้สภาพนิติบุคคลยังคงดำรงอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกานี้

และให้โอนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ซึ่งเป็นของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ในส่วนของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติดังกล่าว ตามบัญชีรายการทรัพย์สินที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครและกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังร่วมกันจัดทำขึ้นไปเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง

โดย ให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นของสำนักงานฯ และบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นของ องค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เพราะเลิกหรือยุบตำแหน่ง

"ให้ได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ในระหว่างที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จ"

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2560 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) มีรายได้จำนวน 393,617,587 บาท ปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60-มี.ค.61) มีรายได้เฉพาะสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี จำนวน 107,058,904.08 ล้านบาท ศูนย์ประชุมฯ มีรายได้ 13,690,738 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ รวมทั้สิ้น 130,318,643 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว 2561 อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาพิงคนคร เข้ายื่นเรื่องต่อหลายหน่วยงานเพื่อขอความเป็นธรรม โดยมีการฟ้องคณะรัฐมนตรีเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง ที่มีมติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการบริหาร สนง.พิงคนคร โดยขอคุ้มครองกรณียุบรวม-ถ่ายโอน โดยอ้างว่า พนง. 300 คน จะตกงาน รวมถึงกลุ่มผลิตอาหารสัตว์ภาคเหนือ กว่า 500 ครอบครัว จะไม่มีงานไม่มีอาชีพด้วย

ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาพิงคนคร ได้กำหนดแผนการดำเนินงานในปี 2562 ขับเคลื่อนโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้มีมาตรฐาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกด้าน รวมถึงแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายในโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เช่น โครงการปรับปรุงลานน้ำพุ สร้างอาคารขายตั๋วใหม่ และปรับปรุงสวัสดิภาพของสัตว์

ในปีงบประมาณ 2562 ได้งบสนับสนุนจากรัฐบาล 145 ล้านบาท รวมถึงได้นำเงินสะสมของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีที่มีอยู่ราว 1,000 ล้านบาท นำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยตั้งเป้าหมายในปี 2562 เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะมีรายได้เพิ่มเป็น 250 ล้านบาท.


กำลังโหลดความคิดเห็น