ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "ศักดิ์สยาม"ลุยถั่ว "ค่าโง่ทางด่วน" จะขอทบทวนมติครม.ลุงตู่1 มาดูเองทำเอง หยามทั้ง "สมคิด-วิษณุ" ว่า "มั่วมาก" งานนี้เบื้องหลังคืออะไร ใครได้ประโยชน์?
วันก่อนออกสื่อจะขอแก้มติ "ครม.ลุงตู่1" ให้ตัวเองมีอำนาจ กำกับดูแลเอง อ้างจะได้แก้ปม "ค่าโง่ทางด่วน" และดูเรื่องสร้าง"ทางด่วนสองชั้น" เอง ต้องบอกว่า บ้าดีเดือดแท้ท่าน รมว.จากค่ายภูมิใจไทย คนนี้
ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งเดือนที่กระทรวงคมนาคม โดยรัฐมนตรีว่าการคนใหม่"ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" เทกแอ็กชันเรื่อง ข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กับ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จนวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปจากกระทรวงคมนาคม ... ทั้งๆ ที่คณะทำงานที่มีปลัดกระทรวงคมนาคม ได้เสนอ 3 แนวทางให้นายศักดิ์สยาม พิจารณาตัดสินใจไปแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์...
ล่าสุด มีข่าวว่า "นายศักดิ์สยาม" ได้มอบปลัดกระทรวงคมนาคม (ท่านเดิม) ตั้งคณะทำงาน (คนเดิมๆ) เพื่อศึกษา และจัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหาทางด่วน (แนวทางเดิมๆ) ในระดับกระทรวง (กระทรวงเดิม) ... ขณะเดียวกัน กลุ่มที่เดิมคาดการณ์ว่าจะขวางการหาทางออก ทั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ และการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร กลับกลายเป็นว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน กับทางออกที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และรัฐไม่ต้องชดเชยค่าเสียหายจากการแพ้คดีด้วยเงินมหาศาล
หากใครมีความสนิทสนมกับปลัดกระทรวง และบรรดาคณะทำงาน ก็ลองไปถามดูว่า เอือมระอาใจไหม เพราะคนเหล่านี้เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทั้งๆที่คณะนี้เพิ่งเสนอแนวทางไปให้แล้ว ทั้งๆที่ ปัญหาก่อนหน้านี้ถูกสั่งการ ได้รับการศึกษาพิจารณา เจรจา หาทางออกร่วมกันหลายหน่วยงานมาหลายเดือนแล้ว ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นว่า รัฐมนตรีว่าการคนปัจจุบัน กลับโยนกลองไปที่ "คณะรัฐมนตรีชุดประยุทธ์ 1" ว่าไม่ให้อำนาจแก่กระทรวงคมนาคม ในการแก้ปัญหา
พูดแบบนี้ เลยทำให้รู้ทันทีว่า ใครกันแน่ที่มั่ว เพราะนายศักดิ์สยาม เพิ่งพูดกับสื่อ ว่า "เรื่องนี้ผมบอกเลย มั่วมาก เราไม่มีอำนาจ ครม.ไม่ให้อำนาจเราเลย เราต้องไปทบทวนมติครม.เดิมก่อน"
คนที่มั่วคือใคร ประชาชนเขาตัดสินเองได้ เพราะใครๆ เขาก็รู้ว่า ปัญหาข้อพิพาทนี้ "รัฐบาลประยุทธ์1" ไม่ต้องการจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน เพราะจะได้นำเงินงบประมาณไปใช้ประโยชน์แก่ประชาชน ในด้านอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้เงินสด และรัฐบาลประยุทธ์ 1 ก็ย้ำไว้ว่า "ประชาชนต้องได้ประโยชน์" ... จึงเป็นที่มาของการเจรจาต่อรองการชดเชยความเสียหาย และมีเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมาต่อรองกัน ระหว่าง กทพ. กับ BEM ทางด่วนชั้นสอง ก็มาตอนนั้น ไม่ได้มาจาก ครม.สั่ง ให้มีทางด่วนชั้นสอง แต่มาจากการเจรจา (เพราะ ครม.สั่งมา ให้เจรจาบนผลประโยชน์ประชาชน ซึ่งการที่ประชาชนจะได้ใช้ทางด่วนชั้นสองโดยไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเพิ่ม ถือว่าประชาชนได้ประโยชน์ และ กทพ.ไม่ต้องลงทุนเอง แถมได้รับส่วนบางรายได้เพิ่มอีก)
ส่วนระยะเวลาที่จะขยายสัมปทานออกไป การคงราคาค่าผ่านทางทุกสิบปี การที่ BEMจะลงทุนเพิ่มขยายคอขวด เพิ่มช่องจราจรบายพาส จุดตัด ฯลฯ ก็ล้วนมาจากการเจรจาทั้งสิ้น "นายศักดิ์สยาม" ควรเรียบเรียงลำดับซีเควนซ์เรื่องราวให้ถูกก่อน ค่อยมาบอกว่าคนอื่นมั่ว ... ที่สำคัญ การเจรจาต่อรอง กทพ.ได้นำเสนอผลและแนวทางต่างๆ ให้ "ครม.ลุงตู่1" ทราบหมดแล้ว โดยได้ผ่านการพิจารณาของรัฐมนตรี "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" และรัฐมนตรีช่วย"ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" คือผ่านมาทั้งกระทรวงคมนาคมนั่นแหละ แล้วนายศักดิ์สยาม ยังมาบอกว่า ไม่ผ่านกระทรวง... งงหนักมาก
รวมทั้งผ่านการพิจารณาจากทั้งรองนายกฯ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจ และ รองนายกฯ ด้านกฎหมาย "วิษณุ เครืองาม" มาแล้ว ... งานที่ผ่านมือทั้งรองฯสมคิดและวิษณุ ต้องจัดว่าสำคัญ เพราะสัญญาทางด่วนเป็นสัญญาร่วมทุน ต้องทำตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน การเจรจาต้องผ่านกทพ. กรรมการกำกับดูแล ม. 43 และกรรมการ PPP (รองฯสมคิด เป็นประธานแทนนายกฯ) ดูแลภาพรวม เจรจาจบ เสนอ ก.คมนาคม เสนอ ครม. ไม่ใช่ให้อำนาจ !
สรุปง่ายๆ ท่านรมว.ศักดิ์สยาม ไม่เห็นหัวทั้ง"รองฯสมคิด และรองฯวิษณุ" ที่ร่วมรัฐบาลด้วยกันในชุดนี้ อวดเบ่งอำนาจล้นกร่าง กล่าวถึง มติครม.ประยุทธ์1 ว่า "มั่วมาก" จะขอยกเลิกมติครม. เพื่อจะเอามาดูเองทั้งหมด ไม่สน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
คำถามแล้วจะมีกฎหมาย พ.ร.บ.ร่วมทุนไว้เพื่ออะไร?
แว่วว่า เรื่องนี้ถึงหู "ลุงตู่" แล้ว ปัญหาที่ทำท่าจะได้ข้อยุติกลับเป็นว่า ต้องมากุมขมับกับดอกเบี้ยค่าปรับค่าเสียหาย ที่วิ่งทุกวันๆ ใครต้องรับผิดชอบ แถมวันนี้ รมว.ศักดิ์สยาม ยังจะขอทบทวนมติ ครม.ประยุทธ์ 1 กับ ครม.ประยุทธ์ 2 ?? จะตีหน้ากันอย่างไร...
ยิ่งที่ว่า จะเปิดประมูล ทางด่วนสองชั้นใหม่ อ้างว่าไม่อยู่ในสัญญา ตรงนี้หากไม่มีคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผล คนต้องคิดว่า ท่านทำเพื่อใคร หรือไม่ อยากให้บริษัทไหนเข้ามาประมูล ? ใน ครม.ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า ใครทำธุรกิจอะไร...
กล้าขอทบทวนมติครม. และรื้อผลการเจรจา แบบนี้ นายศักดิ์สยาม คิดอะไร ? ใครจะได้ประโยชน์ คิดไม่ยาก
จำได้หรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดเรื่องนี้ยังไง ไม่นานมานี้เอง นายกรัฐมนตรี บอกว่าหลักในการเจรจา คือ กทพ. จะต้องไม่จ่ายเงินสดในกรณีแพ้คดี และกทพ.ต้องได้รับสิทธิประโยชน์ ไม่ต่ำกว่าเดิมที่เคยได้ และประชาชนต้องได้ประโยชน์ รวมถึงเอกชนต้องปรับปรุงทางด่วนศรีรัช และต้องไม่มีข้อพิพาทเกิดขึ้นอีก
"ลุงตู่" ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใครทั้งสิ้น... นี่ขนาด"นายกฯประยุทธ์" เคยให้นโยบายเจรจาไว้ ขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ก็จบแล้ว สภาฯ ก็ผ่านมาแล้ว ยังเพี้ยนอีก มีเบื้องหลังอะไร ? พอเรื่องจะจบเข้าครม. กลับจะมายึดไปดูเอง... เป็นกระบวนการเคาะกะลา ?
"รมว.ศักดิ์สยาม" ลำพังเฉพาะเรื่องทางด่วนยังไม่พอ ตอนนี้ฮอตสุดๆ มีแต่เผือกร้อนๆ ให้ถือ ทั้งถนนพระราม 2 ที่การจราจรติดขัดสาหัสทุกวันเวลา จนไม่รู้จะแก้ไขยังไงได้ ... หรือโครงการ Hopewell ที่ศาลตัดสินแล้ว และไม่รับฟื้นคดีแล้ว ก็ยังฝืนสู้แบบเอาแต่ใจตัวเอง ไม่หารือรัฐบาล ซึ่งเดือนตุลาคมนี้ ต้องจ่ายค่าชดเชยแล้ว
งานนี้น่าเป็นห่วง"ลุงตู่"จริงๆ ... เนื่องเพราะ ทั้งเรื่อง Hopewell และทางด่วน แพ้มาอีก ดอกเบี้ยต้องจ่ายเอง ผิดเอง ยิ่งช้าก็ยิ่งผิด .
** "พระพุทธรูปอุลตร้าแมน" ของนักศึกษาสาว กลายเป็นดรามาในโซเชียลฯ จนต้องไปกราบขอขมา เจ้าคณะจังหวัด... ขณะที่ "อ.เฉลิมชัย" เห็นต่าง บอกการคิดใหม่ สร้างใหม่ ถือเป็นสิ่งที่สุดยอด อย่าท้อ ขอให้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่อไป
กรณีภาพ "พระพุทธรูปอุลตร้าแมน" ของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ม.ราชภัฏนครราชสีมา ที่นำภาพจำนวน 3 ชิ้นงาน ไปจัดแสดงในงาน "เต๊อะเติ๋น" ที่ห้าง สรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา แล้วมีผู้นำภาพชุดนี้ โพสต์ในโซเชียลฯ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา ถึงความไม่เหมาะสม... เป็นการแสดงออกทางศิลปะ ที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ในลักษณะสุ่มเสี่ยง ละเมิด หรือ ก้าวล่วงสถาบันพระพุทธศาสนา จนในที่สุดภาพทั้ง 3 ชิ้น ก็ถูกปลดจากงาน แสดง...
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องราวยังบานปลาย ร้อนไปถึง อธิการบดี ผู้ว่าฯ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา และ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ... จนทางรองอธิการบดี ต้องพานักศึกษาหญิงเจ้าของผลงาน ไปขอขมาต่อหน้าพระประธาน ในพระอุโบสถ และ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ด้วย ... ขณะที่ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ยังบอกว่า หากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เห็นว่าผิด ก็สามารถมาแจ้งความดำเนินคดีได้...
เรื่องนี้ นศ.หญิง เจ้าของผลงานกล่าวทั้งน้ำตาว่า การวาดภาพชุดนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่พระพุทธศาสนา เพียงแต่ต้องการสื่อให้เห็นว่า พระพุทธเจ้า เป็นฮีโร่ เหมือนอุลตร้าแมน ที่สามารถอดทนต่อสิ่งเร้ารอบด้าน และช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ให้กับมนุษย์ ทำให้โลกมนุษย์สงบสุขได้ ... ถือเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของตน จึงกราบขอขมาและขออภัยทุกคน ทุกฝ่ายมา ณ ที่นี้ด้วย
แน่นอนว่า ในมุมมองด้านศิลปะ ย่อมมีความเห็นแตกต่าง โดยเฉพาะการนำเรื่องราวของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มาเป็นองค์ประกอบในงานศิลปะ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตัดต่อ เสริมเติมแต่ง เพื่อแสดงออกถึงความเป็นศิลป "โมเดิร์น" ... ในมุมมองของผู้ที่ไม่เห็นด้วย เห็นว่า การนำเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของอุลตร้าแมน มาประกอบกับพระเศียร ของพระพุทธเจ้า เพื่อแสดงท่าทาง ในอิริยาบถต่างๆ ของ นักสู้ โดยเฉพาะ "แบ็กกราวนด์" ของภาพ ที่เป็นลวดลายของสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ... เพราะพระพุทธศาสนา คำสอนของพุทธองค์ และ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ถือเป็น "อมตะ" มากว่า 2500 ปี กาลเวลาไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งเหล่านี้ได้ ... ไม่สมควรที่จะนำมาดัดแปลง เพียงหวังดึงเอาพุทธศาสนา มารับใช้กิเลสของสังคม ... แต่สังคมต่างหาก ที่ควรจะปรับตัว ปรับวิถี ลดละกิเลส เพื่อเข้าหาพระพุทธศาสนา นำคำสอนของพุทธองค์มาเป็นที่ยึดเหนี่ยว...
ในมุมมองที่เห็นต่าง อย่าง "อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์" ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างวัดร่องขุ่น ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ ว่า... การที่เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ ตามลักษณะของคนรุ่นใหม่ มีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง ก็มักจะถูกด่า จนทำให้เด็กกลัวแล้วทำอะไรไม่ได้เลย... ปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองเราแย่ลง คือการไปลอก
เลียนแบบจากคนอื่น แล้วทำให้คนของเราคิดไม่เป็น ไม่กล้าคิดต่าง จึงไม่เจริญรุ่งเรือง ทั้งที่การคิดใหม่ สร้างใหม่ ถือเป็นสิ่งที่สุดยอด... นักศึกษาที่เขียนรูปพระพุทธรูปอุลตร้าแมน เขาเขียนตามความรู้สึกนึกคิดว่า อุลตร้าแมน เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้เขา และเขาเห็นว่ามีความเป็นฮีโร่ มีคุณงามความดี และเป็นผู้ปกป้องรักษาโลกนี้เอาไว้...เขาไม่ได้เอาเศียรไปใส่กับซาตาน คนชั่ว แต่ใส่กับตัวละครที่ดีที่สุด ปกปักรักษาโลก เป็นคนมีคุณธรรม ศีลธรรม อย่าไปมองว่าลบหลู่ศาสนา บ้าบอคอแตก น้ำเน่าเกินไป จนเด็กต้องมากราบขอโทษ...
"อ.เฉลิมชัย" ยังยกตัวอย่างภาพ ภาพเปรต เป็นพระภิกษุที่ชั่ว พระภิกษุปลอม เป็นลักษณะการยกย่องพระภิกษุที่ดี และด่าพระภิกษุที่ไม่ดี เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเปรต แต่ปรากฏว่ากลับมีการเดินขบวน ด่ากันวุ่นวาย สุดท้าย คณะกรรมการตัดสินงานศิลปกรรมแห่งชาติ ก็ให้รางวัลภาพนี้ได้ที่ 1 มีการนำภาพไปจัดแสดงที่ต่างประเทศ และคนซื้อไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ... ดังนั้น ขอสื่อไปถึงนักศึกษาที่วาดภาพนี้ด้วยว่า อย่าท้อและขอให้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่อไป...
กรณีการสร้างงานศิลปะ ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ที่ผ่านมาก็เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าเคสนี้ จะไม่ใช่เคสสุดท้าย ที่จะปะทะกันทางความคิด ระหว่างแนว ”อนุรักษ์” กับ ”โมเดิร์น” ...