xs
xsm
sm
md
lg

“ระวี” จี้ “พุทธิพงษ์” เปลี่ยนบอร์ด ปณท.ยกชุด เซ่นไม่สอบทุจริต แฉบริหารตกต่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หัวหน้าพลังธรรมใหม่ แถลงความคืบหน้ายื่นสอบทุจริต ปณท. จี้ รมต.ดิจิทัล เปลี่ยนบอร์ด ปณท.ยกชุด เหตุนิ่งเฉยไม่ตรวจสอบทุจริต พร้อมชำแหละข้อมูลการทำงานถดถอย-กำไรหด

วันนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ว่าตามที่พรรคพลังธรรมใหม่ได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณในการสร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์ และการปรับปรุงอาคารที่ทำการไปรษณีย์คูคต, ธัญบุรี, คลองหลวง และปทุมธานี รวม 4 แห่ง ที่ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ไปในแนวโน้มที่จะมีความไม่โปร่งใส

หลังจากทางพรรคได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ได้รับการแจ้งจากท่ารัฐมนตรีว่าได้สั่งการไปยังคณะกรรมการบริษัทฯ ให้เร่งรัดดำเนินการ และแจ้งให้ทางพรรคติดตามความคืบหน้าโดยตรงกับคณะกรรมการบริษัท

ต่อมาทางพรรคได้เข้าพบกับประธานคณะกรรมการบริษัทฯ แต่ปรากฏผลว่าประธานคณะกรรมการยังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง (ตามมติคณะกรรมการบริษัทฯที่ได้ประชุมในวันต่อมา) นอกจากนั้น ทางพรรคยังได้รับข้อร้องเรียนถึงข้อมูลการดำเนินโครงการที่มีแนวโน้มที่ไม่โปร่งใสอีกหลายโครงการ และผลการดำเนินการของคณะกรรมการฯ และผู้บริหารบริษัทไปรษณีย์ไทยที่มีแนวโน้มถึงความด้อยประสิทธิภาพในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1. ปรับลด Term of Reference (TOR) เพื่อให้สามารถตรวจรับงานจ้างได้ โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ว่าจ้างบริษัท ไอดีล ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด สัญญาเลขที่ สป(ส) 18/2557 ลงวันที่ 7 มี.ค. 2557 สัญญาสิ้นสุด 7 ก.ย. 2558 เป็นเงิน 148,500,000 บาท อายุสัญญา 18 เดือน เพิ่งตรวจรับงานเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2562 (หลังจากสัญญาสิ้นสุด 43 เดือน) ที่ผ่านมาไม่มีการบอกเลิกจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างได้รับประโยชน์ ด้วยการให้ทำงานต่อและละเว้นไม่มีการปรับผู้รับจ้าง ขณะที่ซอฟแวร์ไม่แล้วเสร็จ แต่มีการซื้อและเช่าอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ในปี 2559, 2560, 2561 งบประมาณ 1,000 กว่าล้านบาทมาเตรียมไว้ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพิ่งติดตั้งฮาร์ดแวร์ หลังจากการตรวจรับซอฟแวร์ในเดือนมิ.ย. 2562 ทำให้อุปกรณ์ที่ซื้อมาและเช่ามาล่วงหน้าเสื่อมสภาพ

2. โครงการพัฒนาระบบการส่งต่อโดยใช้เทคโนโลยี (RFID) สัญญาจ้าง 43,873,722 บาท เพื่อพัฒนาระบบงานส่งต่อของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้มีความทันสมัยและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับภาคเอกชน ปัจจุบันตรวจรับงานและจ่ายเงินแล้ว แต่ระบบไม่ประสบความสำเร็จทำให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีเทคโนโลยีล้าหลังกว่าคู่แข่งภาคเอกชน

3. โครงการก่อสร้างศูนย์ไปรษณีย์โคกกลอย จังหวัดพังงา โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด อนุมัติงบประมาณ ปี 2555 จำนวน 60 ล้านบาท สร้างเสร็จตรวจรับงานแล้วตั้งแต่ปี 2561 แต่ไม่เปิดใช้เป็นศูนย์ไปรษณีย์ อ้างพื้นที่การใช้งานน้อยเกินไป

4. การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของบอร์ด ปณท. กรณีไม่ได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce ที่เสนอให้เลิกจ้างกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในความผิดฐานทำให้ประเทศชาติและไปรษณีย์ไทยเสียหาย ในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2560 เรื่องโครงการดิจิทัลชุมชนด้าน E-Commerce ซึ่ง มติ ครม.ให้ไปรษณีย์ไทยหารือกับ 4 กระทรวงหลัก คือกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์
และคณะกรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง สรุปว่า นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีสมควรเลิกจ้าง

5. ด้านกำไรสุทธิ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
5.1 ปี 2559 กำไรสุทธิ 4,616,837,375.05 บาท
5.2 ปี 2560 กำไรสุทธิ 4,221,886,021.25 บาท
5.3 ปี 2561 กำไรสุทธิ 3,809,224,389.05 บาท
เดือน ม.ค.-เดือน ก.ค. 2562 ผ่านไปครึ่งปี กำไรสุทธิยังไม่ถึง 1,500 ล้านบาท

สรุปกำไรสุทธิลดลงทุกปีสวนทางกับตลาด E-Commerce ที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้น และปัจจุบันบริษัทเอกชนคู่แข่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด


6. ด้านคะแนนการประเมินผลโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง
6.1 ปี 2559 คะแนนรวม 4.0572
6.2 ปี 2560 คะแนนรวม 4.1021
6.3 ปี 2561 คะแนนรวม 3.4134


คะแนนรวม ปี 2561 ลดลงมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา หมายถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของคณะกรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการขับเคลื่อนองค์กรลดลง

นพ.ระวีกล่าวต่อว่า ทางพรรคจึงขอจัดส่งข้อมูลเหล่านี้มาให้ท่านรัฐมนตรี และขอให้รัฐมนตรีลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ถ้าพบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นความจริง ก็ขอให้ทางท่านรัฐมนตรีได้พิจารณาทบทวนการทำงานของคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้บริหารบริษัท แต่ถ้าพบว่าไม่เป็นข้อเท็จจริงก็ขอเสนอท่านรัฐมนตรีได้กำชับการบริหารไปรษณีย์ไทยให้รัดกุมมากกว่านี้



กำลังโหลดความคิดเห็น