นายกฯ ให้ รมว.ศธ.นำคณะแข่งขันคณิตวิทย์โอลิมปิกพบ ชมขีดความสามารถอยู่บนยอดปิรามิด พร้อมแก้ฐานที่ยังกว้าง ชี้การเมืองต้องเลิกพูดแล้วไม่รับผิดชอบ 4 ปีเดินหน้าเต็มที่ ชี้ปชต.ไทยไม่น้อยกว่าใคร รับพยายามไม่ตอบโต้เกลียดชังชาติไปต่อไม่ได้
วันนี้ (16ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนำคณะผู้แทนประเทศไทยฯ ผู้บริหารและคณะทำงาน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานผลการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับคณะผู้แทนฯ ว่า การได้พบกับเด็กทุกคนในวันนี้ เป็นอีกวันที่ทำให้มีความสุข หากเปรียบเป็นปิรามิดต้องถือเป็นคนที่มีสมอง มีความตั้งใจ มีขีดความสามารถอยู่บนยอดปิรามิด แต่ฐานปิรามิดยังกว้างอยู่ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำลังแก้ไข โดยรัฐบาลกำลังดำเนินงานทุกปัญหา เพราะเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไข ขอเพียงความเข้าใจและกำลังใจให้รัฐบาล และรัฐมนตรี โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรีของเรา
“ ส่วนการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของการพูดแล้วไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ซึ่งควรจะต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว พร้อมขอยืนยันว่า 4 ปีต่อไปของรัฐบาลนี้ จะทำงานอย่างเต็มที่โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เพราะหลายอย่างต้องแก้ไข มีกติกาและกฎหมายที่ซ้ำซ้อน ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า ขอฝากให้ทุกคนรักและสามัคคีกัน ทุกวันนี้คนไทยอดทนน้อย มีความอดทนที่จำกัด ไม่ชอบอะไรที่รอนาน เพราะคิดแต่ว่าโลกประชาธิปไตยจะทำอะไรก็ได้ แต่แล้วได้อะไรกลับมา ทั้งที่ไม่ได้อะไรกลับมาเป็นชิ้นเป็นอันหากไม่มีหลักการ ประชาธิปไตยทุกอย่างมันมีทั้งดี และไม่ดี อาจจะดีที่สุดในโลกปัจจุบันแต่ก็มีปัญหามากพอสมควรในการบริหารประเทศ ยุคนี้ในทุกภูมิภาค ไม่ใช่ว่าประเทศเรามีประชาธิปไตยน้อยกว่าใคร ถ้าหากน้อยคงไม่มีใครมาพูดจาเลอะเทอะอยู่แบบนี้ และนี่คือประชาธิปไตยเต็มที่ สื่ออยากเขียนอะไรก็เขียน ดังนั้นขออย่าเบื่อหน้าลุง เพราะสื่อจะพาดข่าวหน้า 1 ทุกวัน ขอร้องอย่าเบื่อกัน เพราะผมก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กบ่าว
พบ.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันเจตนารมย์ของรัฐบาล ว่า มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ดีที่สุด เพราะถือเป็นอนาคตของประเทศ โดยต้องรู้จักแบ่งปันไม่เห็นการทุจริตเป็นเรื่องปกติธรรมดาหากตัวเองได้ประโยชน์ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประเทศล่มจมแน่ การนำตัวอย่างประเทศมหาอำนาจมาใช้ต้องมองด้วยว่าที่ผ่านมาประเทศเหล่านั้นผ่านอะไรมาบ้างอาจมีการทำสงคราม รบรากัน ขณะที่ประเทศไทย ก็มีการรบกันด้วยปาก ทะเลาะเบาะแว้งกันและทำให้ตนเองอารมณ์เสียอยู่ทุกวันนี้ แม้วันนี้จะพยายามอารมณ์ดี มีคนข้างนอกเข้ามาช่วย เช่น โฆษกรัฐบาล คนสวย มาช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ เพราะฉะนั้นตนเองก็จะไม่พยายามไปโต้เถียงเพราะขี้เกียจพูด พูดมา 5 ปีแล้วเหนื่อย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ถามเด็ก ๆ ว่า เคยมาเยี่ยมทำเนียบรัฐบาลหรือยัง อยากให้ไปเยี่ยมชม วันหน้าจะได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีถ้าไหว ก็ช่วยนายกฯหน่อย
“เพราะประเทศไทย ต่อให้ ลีเซียนลุงก็เอาไม่ไหว หากความเกลียดชังยังอยู่ประเทศไทยจะเดินต่อไปไม่ได้ โดยเฉพาะความพยายามที่จะให้รัฐบาลเป๋ไปเป๋มา ความน่าเชื่อถือก็จะหายไป
ผมยืนยันว่าผมทำทุกอย่างถูกต้องทุกประการ เราไม่อาจไปก้าวล่วงใด ๆ ได้ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นการกระทำของนายกรัฐมนตรี กับทั้ง ครม. ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอย่ากังวลไม่ต้องห่วง"