xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านติดกับดัก “ความแค้น”เริ่มสวนกระแสชาวบ้าน !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




จะเรียกว่าน่าผิดหวังกับบรรดาพรรคฝ่ายค้านที่จนถึงเวลานี้ยังมองไม่เห็นเป็นโล้เป็นพาย ยังไม่เห็นแนวโน้มในการสร้างผลงานให้เป็นไปตามที่ชาวบ้านคาดหวัง หรือเป็นไปตามที่ชาวบ้านต้องการ แต่กลับเน้นไปทำในเรื่องอื่นๆที่มีปัญหาในเรื่องการจัดเรียงลำดับความสำคัญ

แน่นอนว่าเวลานี้หากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวหลักของบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะพบว่าโฟกัสไปกับสองเรื่องที่ดูแล้วเอาจริงเอาจังจนผิดปกติ นั่นคือการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และสอง ทำทุกทางเพื่อล้มรัฐบาลหรือล้ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม อย่างที่เห็นในเวลานี้ก็คือพยายามกระพือเรื่องการ “ถวายสัตย์” ไม่ครบถ้วน โดยอ้างว่าทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 161

อย่างไรก็ดีหากมองจากบทบาทดังกล่าวของฝ่ายค้าน ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขามีสิทธิอย่างเต็มที่ในการเคลื่อนไหวแบบนั้นได้แน่นอน แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันอย่างหนักและไม่ควรมองข้ามก็คือ ความรู้สึกและความต้องการของชาวบ้านส่วนใหญ่ว่าสิ่งที่พวกเขาอยากให้ทำอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อนหลัง

แน่นอนว่าหากตรวจสอบจากผลสำรวจที่ออกมาตรงกันทุกสำนักก็คือสิ่งที่ชาวบ้านอยากให้มีการแก้ไขเป็นเรื่องเร่งด่วนอันดับแรกก็คือ ปัญหาปากท้อง เรื่องสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านกังวลในเรื่องเศรษฐกิจที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง มีเรื่องหนี้สิน ที่อยากให้รัฐบาลแก้ไข อยากให้ฝ่ายค้านสร้างผลงานด้วยการ “ไล่บี้” พร้อมเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือออกไปรับฟังปัญหาทุกข์ร้อนของชาวบ้านทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดมากกว่า หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่มันไกลตัวของชาวบ้าน

แน่นอนว่าในแง่เทคนิคทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พยายามขยายความในเรื่องของปมการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน รวมไปถึงการผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือในความหมาย “ฉีกทิ้ง” ฉบับปัจจุบันทั้งฉบับแล้วร่างใหม่ กับเรื่องแรกที่เคลื่อนไหวในเรื่อง ถวายสัตย์ฯไม่ครบและระบุว่าขัดรัฐธรรมนูญนั้นมันเป็นพฤติกรรมที่ “ย้อนแย้ง” ขัดกันเองพิกล เพราะเรื่องแรกเหมือนกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญที่เห็นการกระทำที่ขัดกฎหมายแล้วทนไม่ได้ขึ้นมาทันทีต้องจัดการให้เด็ดขาด แต่อีกอารมณ์หนึ่งกลับมีความพยายามเคลื่อนไหวจะ “ฉีกทิ้ง” แล้วร่างใหม่ ความรู้สึกมันจึงสวนทางกัน

อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวดังกล่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างที่ระบุเอาไว้ในตอนต้นว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพวกเขา แต่ขณะเดียวกันหากคิดให้เกิดพลังให้มากกว่านี้หลายเท่ามันก็ต้องสร้าง “อารมณ์ร่วม” ในวงกว้างจากสังคมภายนอก ไม่ใช่เป็นลักษณะของการสนองความรู้สึกของคนกันเอง พวกเดียวกันเองเดิมๆ จนกลายเป็นว่าเวลานี้อารมณ์ร่วมเริ่มสวิงไปทางรัฐบาล โดยเฉพาะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในแบบที่ได้แต้ม เพราะสิ่งที่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำก็คือ ต้องเร่งแก้ปัญหา “ปากท้อง”ก่อน หรือใช้คำว่าเศรษฐกิจ “ฐานราก” ส่วนจะได้ผลหรือทำจริงแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เพราะเพิ่งได้ทำหน้าที่เพียงไม่กี่วัน แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องไหนเป็นเรื่องเร่งด่วนเป็นอันดับแรก

ขณะเดียวกันเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของ พรรคฝ่ายค้าน มันก็เหมือนกับอีกอารมณ์หนึ่งที่เดินไปอีกทาง เหมือนกับไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของชาวบ้านวาต้องการสิ่งไหนมาก่อน อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากอีกมุมหนึ่งมันก็อาจสะท้อนความเป็นจริงได้เหมือนกันว่า อาจเป็นเพราะความอ่อนด้อยประสบการณ์ หรือ “มือใหม่” ไม่ว่าจะเป็นพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย ที่เคยชินแต่กับการเป็นรัฐบาล ที่ทำงาน “นายใหญ่” ที่เป็นเจ้าของเท่านั้น

ภารกิจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เหมือนกับถูกมองว่า เป็นภารกิจที่ต้องการ “ลบล้าง”ความผิดที่กลายเป็นชนักปักหลังไปตลอดกาลอีกแล้วหรือไม่ ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคน้องใหญ่อย่างพรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ในสองความรู้สึกปะปนกันไป ที่ก่อนหน้าในตอนเริ่มแรก เลขาธิการพรรค อย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล คิดจะเสนอแก้ไขบางมาตรา ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากตัวเองได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ก็ถูกสอนมวยจากพรรคเพื่อไทยในตอนนั้นในทำนองว่า “อ่อนหัด” โดยระบุว่าไม่ว่าจะแก้ทั้งฉบับหรือรายมาตรา มันก็มีความยากไม่ได้แตกต่างกัน

ดังนั้นหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมฝ่ายค้านในเวลานี้ถือว่า ยังไม่สร้างพลังแบบมีลำหักลำโค่นที่แรงพอ อีกทั้งยังเคลื่อนไหวที่สวนทางกับความต้องการของชาวบ้าน เวลานี้มันก็เหมือนกับการ “ติดกับดักความแค้น” ไม่ได้ทำหน้าที่ตามบทบาทฝ่ายค้านในแบบมืออาชีพอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่านาทีนี้ฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่ถือว่าโดดเด่น เพราะเพิ่งเริ่มสตาร์ท แต่ตราบใดที่ฝ่ายค้านยังคลำทางไม่เจอ มันก็น่าหนักใจเหมือนกัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น