"พลภูมิ" จี้ รบ.หาทางลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ช่วยค่าครองชีพ ปชช. อย่าเอาใจแต่นายทุน ยกสถิติค่าโดยสารเทียบรายรับแพงกว่าประเทศอื่นอื้อ ติงผ่านมา 20 ปี BTS คุ้มทุนนานแล้ว ไม่ควรคิดค่าโดยสารแพง-โกยกำไรท่าเดียว เหน็บ “ผู้ว่าฯกทม.” ไร้กึ๋นทำมหานครขนส่งสาธารณะ
วันนี้ (14 ส.ค.) นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดยเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนว่า รถไฟฟ้าเป็นระบบขนส่งมวลชนของคนเมือง แต่สิ่งที่น่าตกใจคือราคาค่าโดยสารที่สวนทางกับรายได้ของประชาชน หากศึกษาเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ที่มีระบบขนส่งมวลชนในลักษณะเดียวกันนี้ พบว่า จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง และประเทศอังกฤษ ค่ารถไฟฟ้าเมื่อเทียบกับค่าครองชีพของประชาชนแล้วถูกกว่าไทย สะท้อนให้เห็นถึงระบบริหารการจัดการ ที่ต้องเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่นายทุน หรือเอกชน ผู้รับสัมปทานเพียงฝ่ายเดียว และข้อมูลจาก ทีดีอาร์ไอ ระบุว่าการกำหนดราคาค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะ ส่วนใหญ่มาจากนโยบายของภาครัฐ บวกกับต้นทุนของระบบขนส่งมวลชนนั้นๆ เช่นรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ค่าโดยสารต้องแพงเพราะต้นทุนที่เอกชนลงเงินทุนไป แต่เวลานี้ผ่านเข้าปีที่ 20 ของสัมปทาน เป็นช่วงที่มีกำไรแล้ว ดังนั้นรัฐจึงเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายการขนส่งนี้ ผู้ว่าฯกทม. บอกว่าจะทำให้ กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการขนส่งสาธารณะ ก่อนอื่นต้องทำให้มหานครแห่งนี้ เป็นมหานครแห่งความเท่าเทียม ให้ประชาชนเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะค่ารถไฟฟ้าที่ต้องไม่เป็นอุปสรรค หรือเงื่อนไขต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนที่สูงมากนัก.
วันนี้ (14 ส.ค.) นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดยเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนว่า รถไฟฟ้าเป็นระบบขนส่งมวลชนของคนเมือง แต่สิ่งที่น่าตกใจคือราคาค่าโดยสารที่สวนทางกับรายได้ของประชาชน หากศึกษาเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ที่มีระบบขนส่งมวลชนในลักษณะเดียวกันนี้ พบว่า จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง และประเทศอังกฤษ ค่ารถไฟฟ้าเมื่อเทียบกับค่าครองชีพของประชาชนแล้วถูกกว่าไทย สะท้อนให้เห็นถึงระบบริหารการจัดการ ที่ต้องเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่นายทุน หรือเอกชน ผู้รับสัมปทานเพียงฝ่ายเดียว และข้อมูลจาก ทีดีอาร์ไอ ระบุว่าการกำหนดราคาค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะ ส่วนใหญ่มาจากนโยบายของภาครัฐ บวกกับต้นทุนของระบบขนส่งมวลชนนั้นๆ เช่นรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ค่าโดยสารต้องแพงเพราะต้นทุนที่เอกชนลงเงินทุนไป แต่เวลานี้ผ่านเข้าปีที่ 20 ของสัมปทาน เป็นช่วงที่มีกำไรแล้ว ดังนั้นรัฐจึงเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายการขนส่งนี้ ผู้ว่าฯกทม. บอกว่าจะทำให้ กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการขนส่งสาธารณะ ก่อนอื่นต้องทำให้มหานครแห่งนี้ เป็นมหานครแห่งความเท่าเทียม ให้ประชาชนเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะค่ารถไฟฟ้าที่ต้องไม่เป็นอุปสรรค หรือเงื่อนไขต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนที่สูงมากนัก.