xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”ทิ้งปริศนา ถูกเลื่อยขาเก้าอี้-ใครนะบังอาจ !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา



รู้สึกงงงวยเหมือนกันกับคำพูดของ “ลุงตู่” หรือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่เพิ่งเปิดเผยล่าสุดเมื่อวานนี้ (13 สิงหาคม) ระหว่างให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “ขอให้ช่วยกันทำความดี ใครจะเลื่อย ก็ปล่อยไปเถอะ”

ที่น่าสังเกตก็คือเป็นการพูดที่เหมือนกับจงใจสื่อสารกับสื่อมวลชนโดยตรง เพราะเป็นการพูดก่อนที่จะเดินขึ้นตึกบัญชาการเพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเช้า

อย่างไรก็ดีหากพินิจพิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ถึงการ “เลื่อยขาเก้าอี้นายกฯ” ก็ต้องพิจารณาทั้งสองด้านนั่นคือจาก “ข้างในและข้างนอก” ข้างในก็ต้องพิจารณาจาก “พวกเดียวกัน” ว่ามีการ “แทงข้างหลัง” หรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเท่าที่เห็นยังไม่มีความชัดเจน ส่วนจะการันตีว่าไม่มีนั้นคงพูดไม่ได้ เพราะรายการแบบนี้มันต้องเป็นเรื่องลับที่มีคนรู้น้อยมาก เอาเป็นว่า ยังไม่เห็นภาพเหล่านั้นเกิดขึ้นก็แล้วกัน เนื่องจากคนที่ “เลื่อย” ย่อมต้องมีศักยภาพไม่แพ้กันที่จะขึ้นมาแทน

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งจะมาจากข้างนอกหรือไม่ ซึ่งอย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ และความเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นกันอยู่ เนื่องจากมีหลายเรื่องประดังเข้ามา ทั้งเป็นเรื่องที่มีความพยายาม “ปลุกกระแส” ขึ้นมาในแบบผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการขยายความปมถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ระบุว่ากระทำไม่ครบถ้วน มีความผิดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 161 รวมไปถึงความเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งแน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ล้วนมาจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน และเป้าหมายก็ย่อมมองออกไม่ยากว่านี่คือ “ภารกิจโค่นหรือเลื่อย” ของจริง และเป็นการเป็นงานมาก หลังจากพ่ายแพ้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภามาไม่นานนัก

เพียงแต่ว่าเมื่อประเมินจากบรรยากาศล่าสุดเท่าที่เห็นในเวลานี้ “กระแสยังปลุกไม่ขึ้น” เพราะชาวบ้านมองว่ามันเป็นเรื่อง “ตีรวน”แบบน่ารำคาญ ไม่ใช่การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ แต่เป็นลักษณะของ “ฝายแค้น” ที่ตามป่วนไปทุกเรื่องและยังเป็นเรื่องหยุมหยิมที่ยังไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมจากสังคมหรือชาวบ้านในวงกว้างได้ อย่างมากก็เป็นเพียงการรับลูก เอออวยกันเอง ครื้นเครงกันเองเท่านั้น ดังจะเห็นได้จาก กระแสเรื่อง “ปมถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน” ที่เริ่มฝ่อลงไป มีบรรดากูรูทางด้านกฎหมายออกมาโต้แย้งมากขึ้น ที่สำคัญก็คือชาวบ้านเริ่มมองผ่าน

แม้ว่าจะพยายามสร้างกระแสใน “เรื่องมิบังควร” ขึ้นมาปลุกเร้า แต่ปัญหาก็คือฝ่ายที่พยายามจุดขึ้นมาล้วนมีที่มาที่น่าสงสัยเกี่ยวกับทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มากล่าวหาบุคคลที่มีภาพลักษณ์ปกป้องสถาบันฯมาตลอด ทำให้น้ำหนักเบาหวิวไปเลย อีกทั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอโทษกับคณะรัฐมนตรีจากเรื่องดังกล่าว จนทำให้เกือบเข้าใจผิดว่าเป็นการส่งสัญญาณถอดใจ แต่เมื่อมีการยืนยันว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบส่วนตัว รวมทั้งเมื่อมีคำพูดดังกล่าวออกมาอีกด้านหนึ่งมันก็มี “กระแส” ให้กำลังใจให้ทำหน้าที่ต่อไปอย่างเข้มแข็งตามมาอีก

ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีก็มีการเคลื่อนไหวสั่งการอย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้ง และมีกำหนดการลงพื้นที่ที่จังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ รวมไปถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในภาคอีสานในปลายเดือนเดียวกันด้วย

นอกจากนี้สำหรับประเด็นการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับของพรรคฝ่ายค้านล่าสุดจนถึงวันนี้กระแสก็ยังไม่แรงเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะเมื่อพิจารณาจากผลสำรวจชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ปัญหาในเรื่องปากท้องมากเป็นอันดับแรก และเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนคอขาดบาดตาย ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความเห็นจาก หัวหน้าพรรคคือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็ย้ำว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ต้องหารือกันก่อน และที่สำคัญหากแก้ไขก็แก้ไขในบางมาตราที่เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตทำได้ง่ายขึ้นกว่าปัจจุบันที่ทำได้ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่ได้รับความร่วมมือกันทุกฝ่าย

ดังนั้นหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวทั้งภายในและภายนอก ตามที่ “บิ๊กตู่”ทิ้งคำพูดปริศนาแบบลอยลมออกมาว่า “ถูกเลื่อยขาเก้าอี้” แม้ไม่กล้าฟันธงชัดเจนว่าจะมาจากข้างนอกหรือข้างใน แต่เมื่อพิจารณาจากความกระเหี้ยนกระหือรือแล้ว น่าจะเป็นพวกฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้นมากกว่า เพราะฝ่ายที่เป็นพวกเดียวกันเอง นาทีนี้ยังมองไม่ออกว่าเป็นใคร และใครจะได้ประโยชน์ แต่ขณะเดียวกันเมื่อมองถึงความเป็นไปได้ไม้ว่ามาแบบไหนเขาก็ยังยืนหนึ่ง “โค่นยาก” นอกเหนือจากถอดใจไปก่อนเท่านั้นเอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น