เมืองไทย 360 องศา
พรรคพลังประชารัฐเริ่มขยับอย่างเป็นทางการ โดยประชุมเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมเพื่อกำหนดยุธศาสตร์ของพรรค เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆของที่อาจต้องเผชิญในวันข้างหน้า รวมไปถึงการการกำหนดหรือแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ๆเพื่อรองรับบุคคลสำคัญต่างๆที่จะมาร่วมงานกับพรรค ขณะเดียวกันยังเป็นการรับมือพรรคการเมืองขนาดเล็กที่กำลังขู่ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลด้วย
ที่น่าสนใจก็คือในรายงานข่าวดังกล่าวเริ่มเห็นบทบาทของระดับ “บิ๊กเนม” ที่เป็นหัวขบวน ไม่ว่าจะเป็น “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้ลงมาคลุกคลีหรือมีความ “เชื่อมโยง” กับพวก ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐโดยตรงมากขึ้น และเปิดเผยมากขึ้น โดยเฉพาะ ในรายของ พล.อ.ประวิตร ที่ก่อนหน้านี้ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว โดยล่าสุด มีรายงานว่า เขาได้รับการเสนอตำแหน่งให้เป็น “ประธานด้านยุทธศาสตร์”ของพรรคเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการนัดประชุมใหญ่ของพรรคอีกครั้งในเร็วๆนี้ เพื่อแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งสำคัญต่อไป เช่นนอกเหนือจากนี้จะมีการตั้งตำแหน่งผู้อำนวยการภาค แต่ละภาค เพื่อรับปัญหาจากทุกภูมิภาค สามารถเชื่อมโยงระหว่างประชาชนและ ส.ส.ได้อย่างทั่วถึง
ที่น่าจับตาก็คือในการประชุมใหญ่ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะมีการเปิดตัวในฐานะสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่หรือไม่ หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคและรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคไปแล้ว ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในวันดังกล่าวอีกด้วย
สิ่งที่มองเห็นถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้น แม้ว่าจะมาจากข้อมูลโดยอ้อม นั่นคือ มาจากการเปิดเผยของ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเปิดเผยว่า มีคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โทรศัพท์มาหาทางออกให้ ในความหมายก็คือโทรมา”เคลียร์” นั่นแหละ โดยมีการเอ่ยชื่อ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ก็มีการเคลื่อนไหวในทางลึกอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่น่าพิจารณาก็คือการประชุมพรรคพลังประชารัฐเมื่อวานนี้ (2 สิงหาคม) ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการเตรียมการรับมือ รวมไปถึงการมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปประสานกับบรรดาพรรคเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่ก็โอเค ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะการเกลี่ยตำแหน่งทางการเมืองไปให้กับทุกพรรคอย่างทั่วถึง ทั้งตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษารัฐมนตรี เป็นต้น
การเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในครั้งนี้ โดยเฉพาะหากโฟกัสไปท่ “สองบิ๊ก” นั่นคือ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถือว่ามีการเคลื่อนไหวกับพรรคที่ชัดเจนขึ้น ที่สำคัญทำให้มองเห็นได้ว่า มีการ “มองยาว” เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ใหม่ในวันข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งต้องมีการเตรียมความพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา ที่สำคัญภายใต้เงื่อนไขใหม่นั่นคือ ต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน ถึงจะมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ทำให้จับตามองกันว่าหาก “บิ๊กตู่” สมัครเป็นสมาชิกพรรคจริง นั่นเท่ากับการเตรียพร้อมสำหรับการนำทัพเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าแบบเต็มตัว และเป็นการตัดเงื่อนไข “สืบทอดอำนาจ” ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอยู่ตลอดเวลาได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีเท่าที่เห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าว มันเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้ว ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มีการเคลื่อนไหวในทางการเมืองโดยตรงกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งการลงมาคลุกคลีกับบรรดาส.ส.ของพรรค การลงพื้นที่เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับฐานเสียง ทุกอย่างมีการวางแผนกันอย่างเป็นระบบมากขึ้นกว่าเดิม
แน่นอนว่านี้คือการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะหากถึงเวลาที่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องมีการเตรียมความพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา เนื่องจากรัฐบาลผสมในเวลานี้เสียงปริ่มน้ำ เสี่ยงที่จะคว่ำได้ทุกเมื่อ
เพราะแม้กระทั่งพรรคที่มีเสียงเพียงแค่ 1 เสียง ยังสามารถข่มขู่กดดันได้ตลอดเวลา มันก็ยิ่งมีความเสี่ยง ที่ประมาทไม่ได้ทุกนาที !!