xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่”ตำบลกระสุนตกวัดดวง 1-3 เดือนรอดได้ก็ลากยาว !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา



ต้องบอกว่านาทีนี้สำหรับ “ลุงตู่” หรือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังรับศึกที่โหมเข้ามาจากทุกทิศทาง จนเรียกได้ว่าเป็น “ตำบลกระสุนตก” แห่งใหม่เข้าไปเต็มๆแบบที่ไม่แบ่งใครเลยก็ว่าได้ หลังจากในรัฐบาลที่แล้วยังมี “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ตอนนี้มารับตำแหน่งเหลือแค่รองนายกฝ่ายความมั่นคงเพียงเก้าอี้เดียว ทำให้ลดบทบาทลงไปมาก อีกทั้งทำให้เป้ากระสุนก็เบนไปทางอื่นดังกล่าว

อย่างไรก็ดีสำหรับกระสุนที่พรั่งพรูเข้าใส่ “ลุงตู่”ในเวลานี้ แม้ว่ามองดูแล้วเป็น “เจตนา” ที่เร่งโหมแรงกันตั้งแต่ต้นมือจนผิดสังเกต แต่มองอีกด้านหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะหาก”โค่น” เขาลงไปให้ได้ ยิ่งเร็วเท่าใดมันก็ยิ่งดีสำหรับพวกเขา ขณะเดียวกันก็อย่าได้แปลกใจที่เกมทั้งในและนอกสภากำลังถูกปลุกเร้าขึ้นมาเรื่อยๆเรียกว่าไม่ยอมให้ได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว

แม้ว่าจะเพิ่งผ่านการแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ทันข้ามวันดีนัก และเริ่มบริหารราชการแผ่นดินยังไม่ครบสองสัปดาห์ดีนัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กำลังโดนกระหน่ำจากบรรดาพวกพรรคฝ่ายค้านเริ่มจากการขยายผลจากกรณีกล่าวหาว่าเขาถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนการปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนอ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญและนำมาสู่การยื่นญัตติด่วนเพื่อซักถามในสภา ส่วนนอกสภาก็มีการเคลื่อนไหวยื่นเรื่องผ่านทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน และอัยการสูงสุดเพื่อส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องนี้

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องจับตาก็คือการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านและแนวร่วมเพื่อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อนำไปสู่การร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งเรื่องนี้แหละที่ต้องจับตา เพราะมองได้หลายมุมทั้งการเคลื่อนไหวในแบบประชาธิปไตย และแบบมี “วาระซ่อนเร้น” ทางการเมือง ที่มีเจตนาสร้างความปั่นป่วน ตึงเครียด รวมไปถึงหากสามารถผลักดันจนเป็นผลสำรวจมันก็ย่อมส่งผลในทางบวกต่ออนาคตทางการเมืองและคดีความของพวกเขาได้โดยตรงอีกด้วย

อย่างไรก็ดีอีกด้านหนึ่งทุกคนก็ย่อมทราบกันดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ในปัจจุบันนี้ผ่านการลงประชามติมาอย่างท่วมท้น ขณะเดียวกันการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะทั้งฉบับหรือบางมาตรามันก็ไม่ใช่เรื่องหมู หากไม่ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย นั่นคือจะต้องเกิดความคิดแบบ”ตกผลึก” เสียก่อน ถึงจะทำให้การแก้ไขประสบความสำเร็จ แต่คำถามก็คือเวลานี้ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันแล้วหรือยัง มีความจำเป็นต้องเร่งแก้ไขในแบบเร่งด่วน “รอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว” เพราะหากไม่รีบแก้ไขอาจทำให้ถึงขั้นต้องอดตาย ทำมาหากินไม่ได้ ถึงขั้นนั้นเลยหรือไม่ อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เลวร้ายถึงขนาดต้องฉีกทั้งทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีปัญหาหรือไม่ และในประเด็นใดบ้าง

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการแก้ไขแล้วตามสภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ลำพังคิดจะอาศัยพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือแม้แต่จะอาศัยเสียงของ ส.ส.ทั้งสภาจำนวน 499 คน (ถูกสั่งพักการทำหน้าทีหนึ่งคน) มันก็ไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว ซึ่งก็มีช่องทางให้ทำ เช่นผ่านทาง คณะรัฐมนตรี ผ่านทาง ส.ส.และประชาชนเข้าชื่อกัน 5 หมื่นชื่อ และนอกเหนือจากนี้หากจะให้สำเร็จก็ต้องได้รับความร่วมมือจาก ส.ว.ด้วย

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากความเป็นไปได้ในการแก้ไขในสภาแล้วถือว่าแทบเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาก็มีการบรรจุเอาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาไว้ด้วย เพียงแต่ว่าไม่ได้กำหนดระยะเวลาเอาไว้ว่าจะต้องดำเนินการเมื่อไหร่ อีกทั้งยังไม่ชัดเจนว่าจะแก้ไขอย่างไรและประเด็นใดบ้าง ซึ่งสิ่งที่ใกล้เคียงมากที่สุดก็อาจจะเคลื่อนไหวในช่วงหนึ่งปีของรัฐบาลผ่านไปแล้ว

เมื่อแนวโน้มความเป็นไปได้ในสภามีน้อยหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยแบบนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้เห็นว่าฝ่ายค้านที่ถูกมองว่าเป็น”ฝ่ายแค้น” กำลังมีเจตนาสร้างความเคลื่อนไหวนอกสภาเพื่อให้เกิดแรงกดดันและปั่นป่วนจนล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหรือไม่ มันก็มองอย่างนั้นได้ เหมือนกับว่าทำทุกทางให้คว่ำลงไปให้ได้โดยเร็วที่สุด

นอกเหนือจากเรื่องความเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะต้องเจอศึกหนักในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็คือญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่น่าจะพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯเป็นหลัก เพราะหากคว่ำได้รัฐบาลก็ล้มไปทั้งคณะ ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากสมัยประชุมสภาสามัญประจำปียังมีเวลาจนถึงวันที่ 18 กันยายนนี้เท่านั้น ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายค้านอาจจะยื่นญัตติซักฟอก แต่ก็ยังไม่ชัดเจนนัก

อย่างไรก็ดีที่น่าจับตาก็คือ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่กำหนดจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในเดือนตุลาคมนี้ เป็นการพิจารณาในสมัยประชุมวิสามัญ ซึงเป็นกฎหมายทีเป็น “ไฟท์บังคับ” และถือว่าสำหรับรัฐบาลยังมีความเสี่ยง เนื่องจากมีเสียง “ปริ่มน้ำ” โอกาสคว่ำในสภาก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะถ้าไม่ผ่าน “ลุงตู่”ก็น่าจะเลือกหนทางยุบสภาเลือกตั้งใหม่

ถึงได้บอกว่านับจากนี้เป็นต้นไป “”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรับศึกหนัก แต่ละด่านล้วนเป็นเรื่องหนักและเสี่ยงที่จะล้มคว่ำได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตารางเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวกดดันเข้ามาทุกทาง โดยเฉพาะในช่วง 1-3 เดือนนี้ แต่หากสามารถรวมพลังฝ่าฟันไปได้ ก็น่าจะอยู่ยาว แต่ด่านหินข้างหน้าในเรื่องพระราชบัญญัติงบประมาณที่จ่อคิวอยู่นี่แหละจะพลาดไม่ได้เลย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น