รมว.เกษตรฯ นั่งหัวโต๊ะระดมผู้เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาปาล์ม ใช้ประกันรายได้ช่วยเกษตรกร กก.ละ 4 บาท ที่น้ำมัน 18% กำหนดครัวเรือนไม่เกิน 25 ไร่ พร้อมมาตรการเสริมอีกเพียบ พร้อมเร่งดัน พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันเข้าสภาด่วน
วันนี้ (7 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้ประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการปัญหาปาล์มทั้งระบบ ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องกว่า 100 คน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน และกรมที่เกี่ยวข้อง ราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และตัวแทนเกษตรกร
นายจุรินทร์ กล่าวถึงผลการประชุม ว่า มีการระดมทุกฝ่ายเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในเรื่องของการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม และเห็นพ้องต้องกันว่าจะมีการดำเนินการตามนโยบายประกันรายได้ชาวสวนปาล์มของรัฐบาล โดยแบ่งรายละเอียดนั้นจะกำหนดรายได้ประกันที่กิโลกรัมละ 4 บาท ที่น้ำมัน 18 เปอร์เซ็นต์ โดยจัดประกันรายได้ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ ในเรื่องของการคิดคำนวณส่วนต่างที่จะโอนผ่านบัญชีของ ธ.ก.ส.โอนให้เกษตรกรนั้น คิดคำนวณจากรายได้ที่ประกันกิโลละ 4 บาทลบด้วยราคาตลาด ณ ช่วงเวลาที่กำหนด โดยส่วนต่างนี้จะโอนเข้าบัญชีให้เกษตรกรทันที โดยจะคำนวณทุก 15 วัน และจะมีอนุกรรมการที่จะมีการจัดตั้งขึ้นเป็นผู้คำนวณ ส่วนในเรื่องของการโอนเงินส่วนต่างนั้นจะโอนให้ปีละ 4 ครั้ง หรือที่เรียกว่าจะโอนให้ทุก 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม จะมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ชาวสวนปาล์มมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น มาตรการที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้บี 10 โดยผู้แทนของกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีแนวทางที่จะดำเนินการให้บี 10 เป็นภาคบังคับโดยเปลี่ยนจากบี 7 เป็นบี 10 ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์ม มาตรการการนำผลิตภัณฑ์ตามนั้นไปใช้เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเคยไงมติและยังมีผลของปริมาณการใช้ตามเหลืออยู่จนถึงขณะนี้อีกประมาณ 130,000 ตัน ซึ่งจะมีการผลักดันในการดำเนินการให้จบตามที่คณะรัฐมนตรีแจ้งไว้
มาตรการในเรื่องของการกำกับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มที่ฟอก แนะนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีเข้ามาตรวจวัดแทนการใช้กำลังคน เป็นมติเป็นเอกฉันท์ ว่า ให้นำเครื่องวัดทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำ มาตรการการบังคับการนำเข้าน้ำมันปาล์มอย่างเคร่งครัดในการผ่านแดนจากประเทศไทยโดยเฉพาะผ่านจากด่านสะเดา หรือทางภาคใต้เพื่อผ่านแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไม่ให้มีการนำน้ำมันปาล์มที่อ้างว่าเพื่อการผ่านแดนมาใช้ในประเทศไทยมีผลทำให้ราคา ผลปาล์มตกและกระทบกับเกษตรกร
นอกจากนี้ ยังมีการเร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเรามีคู่แข่ง คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่มีตลาดใหญ่อยู่ในอินเดีย และอาจจะมีตลาดอื่นรองรับ โดยกระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายใหญ่เปิดตลาดนำ้มันปาล์มที่อินเดียด้วย และที่สำคัญต้องมี พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน เกิดขึ้น ซึ่งเรามีความเห็นร่วมกันว่าจะได้มีการผลักดันให้เกิดขึ้นสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยผลการประชุมครั้งนี้จะนำเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อนำเข้าคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป
