บึ้มป่วนกรุงเริ่มชัด “การเมืองไม่เคารพกติกา”บงการ !!

เมืองไทย 360 องศา





สำหรับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครหลายจุดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา มาถึงตอนนี้หากประมวลจากการเปิดเผยผู้ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงต่างพูดสอดคล้องไปทางเดียวกันว่ามีความคืบหน้าไปมาก และสามารถปะติดปะต่อกันได้ว่าน่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายไหน และใครอยู่เบื้องหลังหรือบงการ รวมไปถึงผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งมีจำนวนกี่คน

โดยเริ่มจากการเปิดเผยของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ระบุว่าได้รับรายงานจากฝ่ายตำรวจที่ดูแลสอบสวนคดีว่ามีผู้ต้องสงสัยจำนวน 9 คน โดยที่ไม่ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้ และให้รอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก่อน

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ระบุว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก รวมทั้งยังบอกว่า “มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้มากขึ้น” ซึ่งนั่นหมายความว่าจะมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย หรือคนร้ายเพิ่มขึ้นตามมาในเร็วๆนี้ หลังจากมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปแล้วจำนวน 2 รายก่อนหน้านี้ หลังก่อเหตุลอบวางระเบิดปลอมที่บริเวณป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนมีภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดนราธิวาส

และที่น่าสนใจก็คือการให้สำภาษณ์ของ “บิ๊กป้อม” ในครั้งนี้ ยังระบุว่า “มือบึ้ม” หรือคนที่ลงมือวางระเบิดรวมทั้งก่อเหตุดังกล่าวว่าทั้งหมดมาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการดำเนินการกันหลายคน อย่างไรก็ดีเขาไม่ระบุว่าจะเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่บอกให้รอการสสองสวนและการแถลงของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

อีกคนหนึ่งที่ต้องจับตาอย่างในคำพูดก็คือ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ก่อนหน้านี้หลังมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย ก็มีการระบุว่า “เป็นฝีมือของคนกลุ่มเดิม” ที่เคยก่อเหตุมาแล้ว และล่าสุด เขาก็ระบุในทำนองว่า “คนกลุ่มเดิมที่ผมหมายถึงก็คือกลุ่มเดิมที่เป็นมาสเตอร์มายหรือผู้อยู่เบื้องหลังนั้นมีความคิดที่จะก่อเหตุทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการทำระเบิดหรือการทำข่าวปลอมก็ถือเป็นการบ่อนทำลายประเทศเหมือนกัน”

“หากประเทศเดินไปได้ในทุกเรื่องก็นาจะเกิดคามเรียบร้อยแต่การที่ยังคงมีการวางแผนบงการ มีความคิดที่ไม่ยอมรับและไม่เคารพกติกา ตอนนี้ก็ขอให้ไปเล่นในสภา” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ระบุ โดยไม่ยอมตอบคำถามว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหรือไม่ และว่าสาเหตุมีจุดประสงค์เพื่อทำลายความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล เนื่องจากเกิดเหตุในช่วงที่ผู้นำต่างประเทศมาประชุม ซึ่งเราเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในช่วงการประชุมอาเซียนเมื่อปี 52 ที่พัทยา และที่จังหวัดภูเก็ตและที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตนก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นตลอด มีความพยายามดิสเครดิตรัฐบาล ไม่อยากบอกว่าเป็นฝ่ายใด แต่คนดีๆเขาไม่ทำกัน

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากชุดสอบสวนและผู้ควบคุมดูแลคดีในครั้งของฝ่ายตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจฝ่ายคดีความมั่นคงแล้ว ยังมีนายตำรวจระดับสูงเข้ามาร่วมอีกชุดใหญ่ ที่น่าสนใจก็คือในรายชื่อทีมสอบสวนสืบสวนดังกล่าวมีชื่อของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่คุ้นเคยในพื้นที่ดังกล่าวมานาน รวมไปถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 ที่เป็นพื้นที่ภาคใต้ร่วมอยู่ในทีมนี้ แสดงให้เห็นว่าการสืบสวนกำลังพุ่งเป้าไปที่การเชื่อมโยงไปถึงผู้ก่อเหตุที่มาจากจังหวัดชายแดนใต้ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯได้ระบุที่มาของคนที่ลงมือ

อีกทั้งเมื่อย้อนกลับไปเมื่อครั้งเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในจังหวัดภาคใต้ตอนบนจำนวน 7 จุดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 59 ที่เป้าหมายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ผู้ควบคุมคดีก็คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล นี่แหละ และในครั้งนั้นมีการจับกุมและออกหมายจับคนร้ายที่ทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ในความหมายก็คือ ทั้งคำพูดของระดับบิ๊กฝ่ายความมั่นคง รวมไปถึงการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลังก่อเหตุมันรวมไปถึงการตั้งทีมสืบสวนควบคุมคดีของตำรวจก็สามารถชี้ทางไปได้ชัดเจนว่า “แนวทางการสืบสวน”จะไปทางไหน ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเชื่อมโยงกับ”ฝ่ายการเมือง” แน่นอน และครั้งนี้ถือว่าคนที่ลงมือมีการ”ทิ้งร่องรอย”เบาะแสให้ติดตามไว้จำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าการจับกุมนั้นจะตามมาอีกหลายคน ส่วนจะสาวไปถึงผู้บงการได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูด้วยใจจดจ่อ

แต่เมื่อฟังจากปากของ “บิ๊กแดง” ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่าแม้จะสลับสลับซ้อนทางเทคโนโลยี่ทำให้ติดตามตัวหา”ไอ้โม่ง” ได้ยาก แต่อีกด้านหนึ่งหนึ่งของเทคโนฯที่ซับซ้อนนี้ เขาก็ระบุว่า มันก็อาจนางไปหาได้ถึงตัวเช่นเดียวกัน !!