xs
xsm
sm
md
lg

แขกไม่ได้รับเชิญ!! แฝงตัวมากับตัวแทนสหภาพฯ กมธ.ทางด่วนฯ เป็นงง “ผอ.กองความเสี่ยงฯ กทพ.”มาเป็น “พรายกระซิบ”คอยบอกบทผู้ชี้แจง **"เสี่ยเฮ้ง"เมืองชลฯ โชว์พาว ดูด"เสี่ยลาว"ศรีสะเกษ จากเพื่อแม้ว มาเสริมแกร่งให้พรรค

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข่าวปนคน คนปนข่าว



**แขกไม่ได้รับเชิญ!! แฝงตัวมากับตัวแทนสหภาพฯ กมธ.ทางด่วนฯ เป็นงง “ผอ.กองความเสี่ยงฯ กทพ.”มาเป็น “พรายกระซิบ”คอยบอกบทผู้ชี้แจง จน“เสี่ยโจ้-ยุทธพงศ์” โวยว่า มาได้ไง... งงหนักกว่าเก่าจะลงมติเชิญ “ผู้แทนบีอีเอ็ม”มาชี้แจง“หมอระวี”โพล่งขึ้นมาเบรกเฉย ทั้งที่เป็นตัวเอกของท้องเรื่องแท้ๆ

ดุเดือดต่อเนื่อง .. การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) สภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว ... ยังโฟกัสกันอยู่ที่ประเด็นการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จํากัด (มหาชน) หรือ “บีอีเอ็ม”กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ... แต่ดูเหมือนจะยังไม่ถึงไหน เมื่อมีเสียงหวานๆ ของ “มาดามเดียร์”วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ. ออกมาเรียกร้องให้เพื่อนร่วม กมธ. หยุดขัดแย้งในเรื่องไม่สำคัญ และเดินหน้าทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ...

เรื่องขัดแย้งที่ไม่สำคัญในมุมมอง “มาดามเดียร์”มาจากการแก้ไขรายงานการประชุม “โดยพลการ”ที่ “เสี่ยโจ้”ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่เป็นโฆษก กมธ. ไม่ยอมที่จะลงมติรับรองรายงานการประชุม ครั้งที่ 1 และ ขู่ว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย .. โดย“หมอระวี”นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะรองประธาน กมธ. จะยอมรับว่าเป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แก้ไขรายงานการประชุม และได้เอ่ยปากขอโทษ ต่อที่ประชุมแล้ว แต่จนแล้วจนรอด “เสี่ยโจ้”ก็ยังไม่ยอมให้ผ่าน ... แถมรายละเอียดในท้องเรื่องข้อพิพาท“กทพ.-บีอีเอ็ม”ก็บานตะไท คุยกันครึ่งค่อนปี ก็ยังไม่หมด ประชุมกัน 4-5 หน เพิ่งเรียก “ตัวละคร”มาชี้แจงได้เพียง ตัวแทนจากการทางพิเศษแห่งประเทศ (กทพ.) คือ ประธานบอร์ด กับ รักษาการผู้ว่าการ กทพ. ...
วทันยา วงษ์โอภาสี
ตัดภาพมาที่การประชุมนัดที่ 5 เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ได้เชิญ “ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ.”มาชี้แจง แต่ที่แปลกคือ มีตัวแทนสหภาพฯ มาพร้อมกัน 2 กลุ่ม .. กลุ่มหนึ่งนำโดย "ประสงค์ สีสุกใส" รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ และรักษาการประธานสหภาพฯ กับอีกกลุ่มนำโดย "ชาญชัย โพธิ์ทองคำ" อดีตประธานสหภาพฯ ที่ปัจจุบันยังเป็นกรรมการ และที่ปรึกษา กทพ.อยู่ ...โดย “ทีมประสงค์”และ “ทีมชาญชัย”ต่างอ้างว่า ในนาม “ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ.”เช่นกัน แต่มีความเห็นสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง จนที่ประชุม กมธ. ต้องแบ่งการประชุมเป็น 2 ช่วง เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าในที่ประชุม...ไม่งั้นคงเละไม่ต่างกับการประชุมสภาผู้แทนฯ ..

ทั้งนี้ “ทีมประสงค์”ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานเพื่อยุติเรื่องทั้งหมด และยืนยันให้ กทพ.จ่ายชดเชย 4.3 พันล้านบาท ให้กับ “บีอีเอ็ม”ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ตัดสินเป็นที่สุดไป 1 ข้อพิพาท ส่วนข้อพิพาทอื่นๆให้เดินหน้าสู้คดีจนกว่าจะสิ้นกระบวนความ ส่วนสัมปทานทางด่วนเมื่อหมดสัญญากับ“บีอีเอ็ม” แล้วก็ให้นำมากลับมา “บริหารเองทั้งหมด”...

ขณะที่ “ทีมชาญชัย”เดิมก็เคยเห็นดีด้วยกับแนวทาง“ต่อสู้จนครบยก”แต่เมื่อเห็นแนวทางจากคำตัดสินศาลปกครองสูงสุด ในเรื่องการสร้างโทลล์เวย์ส่วนต่อขยาย แข่งกันทางด่วนอุดรรัถยา แล้ว ก็มองเห็น “แนวโน้ม”ว่าคำตัดสินของคดีที่เหลือ จะเป็นเช่นไร ด้วย“ข้อเท็จจริง”ในทุกข้อพิพาทไม่ต่างกัน... จะต่างกันเพียงปี พ.ศ.เท่านั้น .. จึงเห็นว่าการไปเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททั้งที่มีอยู่ และในอนาคต มูลค่ากว่า 1.37 แสนล้านบาท ด้วยการต่อสัญญาสัมปทาน เป็น “ทางออกที่ดีที่สุด”ส่วนเงื่อนไขที่ตกลงกันนั้น ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และพนักงาน กทพ. เป็นสำคัญ .. แม้ว่าสหภาพฯที่ต่างอ้าง “ความชอบธรรม”ของตัวเอง มีความเห็นสวนทางกันอย่าง แต่ผู้ฟังอย่าง กมธ.ก็ “วางใจเป็นกลาง”รับฟังความเห็นจาก 2 ฝ่าย เพื่อรวบรวมข้อมูล “อย่างรอบด้าน”ก่อนทำรายงานเสนอที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามกระบวนการต่อไป...
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร - นพ.ระวี มาศฉมาดล
ปัญหามีว่า ผู้แทนสหภาพฯ ที่ติดตาม “ทีมประสงค์”มานั้น กลับมี “แขกไม่ได้รับเชิญ”ร่วมมาด้วย โดยทำหน้าที่ “พรายกระซิบ”คอยบอกบทผู้ชี้แจง ตลอดช่วงตอบคำถาม กมธ. ส่วนผู้ชี้แจงก็เป็นเพียง “หุ่นยนต์”ที่รอให้ป้อนข้อมูลเท่านั้น .. ทำให้ “เสี่ยโจ้”สอบถามว่า บุคคลที่มาคอยบอกบทที่ว่า เป็นใคร มีตำแหน่งอะไรในสหภาพฯ สืบสาวราวเรื่องปรากฏว่า เป็น “ผู้บริหาร กทพ.”ระดับ “ผู้อำนวยการกองบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน”ซึ่งไม่ใช่สมาชิก หรือ กรรมการสหภาพฯ อย่างแน่นอน เพราะ “ผู้บริหารหน่วยงาน”ไม่สามารถสมัครสหภาพฯได้นั่นเอง ..

พอซักไซร้ได้ความ ทางตัวแทนสหภาพฯชุด “ประสงค์”ก็อ้างว่า “ผอ.คนดังกล่าว”มาในฐานะ “คณะทำงาน”ที่มีส่วนร่วม และรับรู้ในขั้นตอนเจรจามาโดยตลอด .. ก็เลยเจอ “เสี่ยโจ้”ถามสวนไปว่า แล้วเหตุใด “ผอ.การทางฯ”ถึงไม่มาชี้แจงพร้อมคณะ “ผู้บริหาร กทพ.”แต่กลับมาคอยกำกับผู้แทนสหภาพฯ ซึ่งน่าจะ“ผิดที่ผิดทาง-ผิดฝาผิดตัว”ทำเอาผู้แทนสหภาพฯ ที่กำลังเถียงฉอดๆ สงบปากสงบคำไปเลยทีเดียว...

เรื่องแปลกๆ ยังไม่หมดเท่านั้น ช่วงท้ายการประชุม มีการลงมติเพื่อเห็นชอบให้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงในการประชุมนัดหน้า ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ถึงคิวผู้แทนจาก “บีอีเอ็ม”อีกหนึ่งตัวเอกตามท้องเรื่อง อยู่ดีๆ “หมอระวี”ก็โพล่งมาว่า ไม่เห็นด้วยกับการเชิญ “ผู้แทนบีอีเอ็ม”มาให้ข้อมูล อ้างว่า เอกชน ก็คงมาให้ข้อมูลสนับสนุนการต่อสัญญาสัมปทานด้านเดียว จึงไม่ประโยชน์ที่ กมธ. จะต้องไปรับฟัง

ปรากฏว่าโดน กมธ.โห่เกรียว ก่อนลงมติเชิญ "ผู้แทนบีอีเอ็ม" มาในการประชุมนัดต่อไป

** "เสี่ยเฮ้ง" เมืองชลฯที่เพิ่งถูกยกเป็น ประธานส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก็โชว์พาว ดูด"เสี่ยลาว" ศรีสะเกษ จากเพื่อแม้ว มาเสริมแกร่งให้พรรค ก็ขอให้จับตาดูว่าจะมี เก้าอี้"กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี" มาตอบแทนให้หรือไม่
เสี่ยลาว พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ - เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น
เป็นที่ฮือฮากันพอสมควรสำหรับแวดวงพรรคการเมือง และนักเลือกตั้ง เมื่อ "เสี่ยลาว" พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ และ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัดสินใจย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยการติดต่อทาบทามของ "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และ ประธานส.ส. พรรคพลังประชารัฐ

เมื่อสองวันก่อนตอนที่มีข่าว แต่ยังไม่ได้มีสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ "เจ๊หน่อย" แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาพูดดักคอในทำนอง คงย้ายเพื่อ "เคลียร์คดี" เหมือนอดีต ส.ส.บางคนของพรรคเพื่อไทย ที่ย้ายไปเข้าพลังประชารัฐแล้ว "คดีขาดอายุความ" เพราะอัยการส่งฟ้องไม่ทัน ... ขณะที่บางกระแส ก็ว่า ย้ายเพราะธุรกิจโรงสี และโกดังของ "เสี่ยลาว" กำลังมีปัญหา จึงต้องหันมาซบพรรคแกนนำรัฐบาล เพื่อหาช่องทางแก้ไข...

แต่ "เสี่ยลาว" บอกว่าที่ย้ายพรรคครั้งนี้ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีการต่อรองใดๆ ไม่มีความขัดแย้งกับคนในพรรค และก็ไม่มีคดีความใดๆ ด้วย แต่เมื่อได้รับการชักชวนจาก"ผู้ใหญ่" ที่เห็นว่าเราพอจะช่วยงานอะไรได้บ้าง ก็ยินดี พร้อมจะช่วยทุกเรื่อง จะได้มีโอกาสพัฒนาพื้นที่ศรีสะเกษไปในตัวด้วย ...และก่อนจะย้ายพรรคก็ได้แจ้งกับ "นายเก่า" ทักษิณ ชินวัตร เพื่อขออนุญาตแล้ว

"เสี่ยลาว" เป็นคน อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จบ ม.ราชภัฏสุรินทร์ สาขาเทคโนโลยีการเกษตร และปริญญาโท รัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง ทำธุรกิจโรงสีข้าว ที่ จ.ศรีสะเกษ เริ่มทำงานการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยเป็นสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ (ส.อบจ.)ในปี พ.ศ. 2538 ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2539 ก็ลงสมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ สังกัดพรรคชาติพัฒนา เมื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ตั้งพรรค ก็ได้รับการชักชวนให้มาอยู่กับพรรคไทยรักไทย เรื่อยมาถึง พรรคพลังประชาชน และ ในการเลือกตั้ง ปี 2554 ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และได้เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ใน "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"

การเลือกตั้งครั้งล่าสุด "เสี่ยลาว"ได้รับความไว้วางใจจากพรรคเพื่อไทย ให้เป็นเจ้าภาพดูแล ส.ส.ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ ส่วนตัวเขาอยู่ในบัญชีรายชื่อ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว ก็เลยต้องเป็น"ส.ส.สอบตก"ไป

ส่วน"เสี่ยเฮ้ง" ส.ส.หนุ่มไฟแรงจากเมืองชลฯ "ขาใหญ่อสังหาฯ ภาคตะวันออก" เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท อรินสิริแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARINประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และได้นำพา "อรินสิริแลนด์" เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ไปเมื่อเร็วๆนี้ ส่วนภรรยาเสี่ยเฮ้ง ก็ป็นทายาทเจ้าของร้านทอง “99 กะรัต”ที่หน้าตลาดหนองมน บางแสน จ.ชลบุรี ได้ช่วยเป็นแม่ทัพอีกคนหนึ่ง ในการดูแล บริษัท 99 กะรัตแลนด์มาร์ค จำกัด ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ชลบุรี มาหลายปีแล้ว...เอาเป็นว่า "เรื่องทุนทรัพย์" ไม่มีปัญหา

"เสี่ยเฮ้ง" เริ่มเล่นการเมืองท้องถิ่น ในสังกัดเรารักชลบุรี และลงสนามเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2554 สังกัดพรรคพลังชล ของ "เสี่ยแป๊ะ" สนธยา คุณปลื้ม ลูกชาย"กำนันเป๊าะ" ก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.ครั้งแรก ต่อมาเมื่อ "เสี่ยแป๊ะ" มาเป็นที่ปรึกษาด้านการเมืองให้กับ"นายกฯลุงตู่" เสี่ยเฮ้ง ก็ติดตาม เสี่ยแป๊ะ มาเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐด้วย

ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ "เสี่ยแป๊ะ"ได้มอบหมายให้ "เสี่ยเฮ้ง" เป็นกัปตันทีม ดูแลเขตเลือกตั้งที่ 1-3 พร้อมคำสัญญาว่า ถ้าชนะทั้ง 3 เขต ก็เอาตำแหน่งรัฐมนตรีไปเลย...ปรากฏว่า 3 เขต ที่เสี่ยเฮ้งรับผิดชอบ ชนะ ได้เป็นส.ส.ทั้ง 3 เขต ขณะที่ อิทธิพล คุณปลื้ม ,ปรเมศร์ งามพิเชษฐ์ และ พันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา สายตรงของบ้านใหญ่แสนสุข สอบตกหมด แต่ถึงอย่างไร "อิทธิพล คุณปลื้ม" ก็ได้นั่ง รัฐมนตรีวัฒนธรรม ตามข้อตกลงเดิมตั้งแต่สละพรรคพลังชล มาอยู่ พลังประชารัฐ

ส่วน "เสี่ยเฮ้ง" ก็ได้พยายามรวบรวม ส.ส.ภาคตะวันออก และภาคกลางบางส่วน ได้ประมาณ 15-16 ชีวิต ให้มาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกลุ่ม เพื่อไปพุดคุยกับผู้ใหญ่ จนได้รับคำมั่นว่า จะได้เป็น "จับกัง 1" นั่ง รมว.แรงงาน ... แต่แล้วเมื่อเกิดความไม่ลงตัวในพรรคเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี เสี่ยเฮ้ง จึงต้องยอม "กลืนเลือด" ... แต่ทางพรรคก็หาทางปลอบใจ จึงได้ยกขึ้นเป็น "ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ"

เมื่อมีตำแหน่งเป็นถึง ประธานส.ส.พรรค "เสี่ยเฮ้ง" ก็ต้องมีการ "โชว์พาว" กันหน่อย จึงเป็นที่มาของการดูด "เสี่ยลาว" มาเข้าพรรค เพื่อเสริมความแกร่งในการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งคาดหมายกันว่า "ลุงตู่-ลุงป้อม" จะมานำทัพเอง ... ส่วน"เสี่ยลาว" ที่ยอมไหลมาตามพลังดูด ก็น่าจะมีอะไรตอบแทน พอให้มีหน้ามีตากันบ้าง จึงต้องจับตาว่าในอีกไม่กี่วันนี้ จะมีชื่อ "พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ" ได้รับการแต่งตั้งจากนายกฯลุงตู่ ให้เป็น "กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี" กระทรวงใด กระทรวงหนึ่งหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น