xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “สมคิด” สะกดทั้งสภา! แจงนโยบาย เคลียร์ปมเศรษฐกิจไทย ได้ใจชาวโซเชียลฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาวาระการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ที่คาดไม่ถึงหลายเรื่อง ทั้งการซักถามและเสนอแนะอย่างมีเหตุมีผลของนักการเมืองรุ่นใหม่บางคน และการชี้แจงของรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ลุกขึ้นเล่าเป็นฉากๆ ถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่หมักหมมมานาน ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วได้พยายามแก้ไขและกำลังจะทำต่อไปในรัฐบาลชุดนี้ MGR Onine คัดเนื้อหาคำชี้แจงดังกล่าวมาให้อ่านแบบเต็มๆ



“...เรามีอะไรดีกว่าเวียดนาม ดีกว่าพม่า ค่าแรงเราก็แพงกว่าเขา เทคโนโลยีเราก็ครึ่งๆ กลางๆ ถ้าคุณไม่ปฏิรูปประเทศไทย มันจะมีอะไรที่มันจะพัฒนากว่าเขามาได้ ที่ซ้ำร้ายที่สุดก็คือว่า อนาคตข้างหน้า ขณะนี้อย่างที่ท่านกล่าวมาแล้ว ในหนังสือที่แจกนโยบาย สังคมมันเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน การผลิตเปลี่ยน การค้าเปลี่ยน แล้วถ้าเราไม่เปลี่ยนตามสิ่งเหล่านี้ให้ทัน ท่านคิดว่าเราอยู่ได้ไหม อันนี้เป็นเรื่องที่หนักใจมากในบรรดาคนที่ทำงานอยู่ อันนี้ก็เรียนตามความสัตย์จริง แต่เราก็พยายามวางรากฐานเอาไว้ แล้วก็ไม่ใช่ว่าแค่เห็นจีดีพีโตแล้วก็ดีใจ เราพยายามวางรากฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งเหล่านี้

ข้อแรกเลยทีเดียว เรื่องความเหลื่อมล้ำ ความเหลื่อมล้ำถ้ามีมาก มันอยู่ไม่ได้ สังคมมันตีกัน เพราะคนจน เวลาจนมากๆ เขาจะไม่ฟังเหตุผลแล้ว สิบเบี้ยใกล้มือ ผมจะเอาเงินนี่ไว้ก่อนล่ะ ผมถามท่านจริงๆ เถอะ ในช่วงที่ผ่านมา 4-5 ปี ถ้าท่านเป็นธรรมกับรัฐบาลเสียหน่อย ข้าว ราคาก็ตกต่ำ สินค้าเกษตรทั่วโลกตกต่ำทั้งนั้นล่ะ ข้าวแย่กว่าเพื่อนเพราะมันมีแรงกดดันจากข้าวในสตอกมหาศาลทีเดียว จะไม่โทษนะครับว่าใครทำอะไรไว้ ใครทำอะไรไว้ก็เป็นเรื่องของกรรมของแต่ละคน ยาง ตั้งแต่สมัยเราอยู่ไทยรักไทยนั่นล่ะ ปลูกยางทั้งประเทศ อีสานก็ปลูก ใต้ก็ปลูก เหนือก็ปลูก แต่ในช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้บอกว่าปลูกยางไม่ดี แต่เราไม่มีการเปลี่ยนแปลงการผลิตยางให้มันมี Value added เพิ่มเลย supply มหาศาล value ต่ำ จะขายให้ใคร ไปเมืองจีนทีไร ขายหน้าทุกที มีงานก็ฝากว่าขอให้จีนซื้อ ขอให้จีนซื้อ ผมไม่ยอมพูดง่ายๆ ว่าจะขอให้จีนซื้อ ผมนี่จะทำสินค้าให้จีนต้องซื้อ สิบห้าปีผ่านไป ตั้งแต่สมัยก่อนที่ดีลเรื่องจีน สิบห้าปีผ่านมาก็ยังต้องไปขอให้เขาซื้อข้าว ซื้อยาง ผมขายหน้า พูดตรงๆ นะครับ

ฉะนั้น เราก็พยายามเต็มที่ ก่อนอื่นเลย ชาวนานี่ ท่านก็ทราบดี เกือบ 30 ล้านคน จีดีพีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจีดีพีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เขาจะเอาส่วนแบ่งที่ไหนไปได้ มันน้อยมาก ฉะนั้นพอเป็นอย่างนี้ ทางเดียวที่จะช่วยเขาได้ในระยะสั้น ทุกพรรคก็ใช้แล้วครับ พรรคเพื่อไทยใช้จำนำข้าว ทางประชาธิปัตย์ใช้ประกันรายได้ รัฐบาลที่ผ่านมาใช้วิธีเพิ่มรายได้ให้มันพอดีกับที่เขาคิดว่าเขาน่าจะอยู่ได้ และพอมีพอกิน เราไม่รู้จะเรียกว่าอะไร จำนำยุ้งฉาง ท่านจะเรียกอย่างนั้นก็ได้ ทุกคนเน้นไปที่ว่าเหตุการณ์เฉพาะหน้า ท่านบอกว่าไม่ได้ช่วยเหลือ ไม่จริงนะครับ ผมไม่ทราบว่าคุณลักษณ์ ธ.ก.ส. อยู่ไหม สารพัดเลย ไม่ว่า ธ.ก.ส. ไม่ว่าเกษตรฯ และทุกองค์กร ต่างทุ่มเทไปที่คนจนทั้งสิ้น พยายามยกระดับราคาเขาขึ้นมาเท่าที่ทำได้ในขณะนั้น แต่ท่านก็ทราบ ราคาแค่นั้นมันไม่เพียงพอ ที่มีข่าวชาวนาฆ่าตัวตายที่นครปฐมข้อหนึ่งที่บอกว่า ราคาสินค้าที่เราผลิตขึ้นมานั้น ต่อให้เราช่วยเต็มที่ แต่โครงสร้างทั้งระบบ ไม่ว่าปุ๋ย ไม่ว่าค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ราคาทุกอย่างมันไม่เอื้ออำนวยเขาเลย ทำไมต่างประเทศรู้จักใช้สินค้าข้าวจากเราไปทำสินค้านานาประเภทที่มันมีมูลค่าสูง ทำไมเขารู้จักแปรรูปสินค้าให้ดี ทำไมเขารู้จักสนับสนุนให้เกษตรกรของเขาค้าขายผ่านอี-คอมเมิร์ซได้ สิ่งเหล่านี้เราพยายามเรียนรู้จากประเทศอื่นและพยายามนำเข้ามาในประเทศไทย อย่างที่เราทำอยู่ที่ผ่านมา 4-5 ปี

สิ่งหนึ่งเลย ที่เรามองและเรากล้าทำลงไป คือเรารู้ว่าคนจนนี่จน สมัยก่อนเวลาที่จะช่วยเขา มันไปไม่ถึงเขา กระทรวงการคลังในขณะนั้นก็สร้างระบบพร้อมเพย์ขึ้นมา พร้อมเพย์มันมีประโยชน์ 2 อย่างที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ไม่เคยมีใครพูดเลยว่าสิ่งเหล่านี้มันดี ข้อที่หนึ่ง มันลดต้นทุนในการ transfer เงินทั้งระบบ ปีหนึ่งไม่รู้กี่หมื่นล้านบาท นั่นไม่ต้องพูดถึงนะ แต่ข้อสองก็คือว่า ระบบพร้อมเพย์มันสามารถทำให้ทุกอย่างไปถึงมือชาวบ้านได้ ร้านค้าย่อยได้ ทั้งระบบหนีภาษีทั้งนั้น ทุกคนไม่ยอมจ่ายภาษีกัน แต่พร้อมเพย์เมื่อไปถึงแล้ว คนแค่รูดการ์ด ทุกอย่างก็จะอยู่ในระบบหมด สิ่งสำคัญก็คือว่า สวัสดิการประชารัฐที่ทำขึ้นมา มันมาคู่กับพร้อมเพย์ มาคู่กับ Electronics transfer เพราะเราเรียนรู้จากต่างประเทศว่าวิธีการนี้มันสามารถยิงเงินไปสู่ที่ๆ ต้องการได้ตรงๆ เลย ไม่มีการที่ว่า ไอศกรีมละลายระหว่างทาง

ท่านบอกว่าสวัสดิการประชารัฐเอื้อคนรวย ผมขอเรียนท่านตรงๆ เลยนะครับ พวกเราหลายคนเติบโตมาจากครอบครัวที่จน เรารู้ว่าความจนมันแย่อย่างไร ถ้าไม่มีการศึกษา รายได้ปีหนึ่ง 30,000 บาทต่อปี มันอยู่กันได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงต่ำแสนนะ ถ้า 30,000 บาท มันแค่เท่าไร 2,000 ทั้งครัวเรือนอยู่กันได้อย่างไร ฉะนั้นบัตรสวัสดิการประชารัฐ ทีแรกเรียกบัตรคนจน ก็โดนกระแนะกระแหน ก็เรียกบัตรสวัสดิการประชารัฐ เริ่มต้นทำไมถึงให้เขาซื้อผ่านธงฟ้า เพราะขณะนั้นร้านค้ารายย่อยส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องรูดการ์ด ไม่มี e-wallet ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แล้วเขาต้องการให้ชาวนาและเกษตรกรซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น สินค้าที่ต้องใช้บริโภคประจำวัน แล้วเราก็มีการ support ในเรื่องของแก๊ส เรื่องของค่าเดินทาง เล็กๆ น้อยๆ

ท่านอย่าลืมนะครับว่า รัฐมนตรีคลังในอดีตเขาขี้เหนียวมากนะ ไม่ใช่จู่ๆ จะอนุมัติง่ายๆ แต่มันเริ่มขึ้นมาดี แล้วเขาก็พยายามจูงใจให้ร้านค้าย่อยมีเครื่องรูดการ์ด พอหลังจากนั้นก็เริ่มให้ค้าขาย ซื้อขายผ่านร้านอื่น ร้านค้าย่อย จนกระทั่งมีการให้เงินสดเพิ่มเติมในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้มีเจตนาแจกเงินเลย แต่เขาเหล่านั้นมีเงินปีหนึ่งแค่ 30,000 บาทเท่านั้นเอง เราต้องการประทังชีวิตของเขาให้ได้ แต่สิ่งสำคัญ พวกนี้ระยะสั้นทั้งนั้น อนาคตข้างหน้า คนแก่ก็เยอะ ระบบสวัสดิการประเทศไทยก็ยังไม่มี แล้วท่านลองนึกดูสิว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ที่ทำมาหลายปีที่ผ่านมาก็คือว่า จะทำอย่างไรที่จะวางรากฐานให้มันรับมือข้างหน้าได้ เอาเรื่องแรกก่อน เรื่องการส่งออก ท่านคิดหรือว่าส่งออก หาตลาดใหม่ กระทรวงพาณิชย์เขาพยายามมากี่ปีแล้ว ทุกช่องทาง เขาประชุมทุกปี ทุกคนมาถึง มีเป้า ทุกคนเจาะตลาดมา เขาพยายามมาเต็มที่ แต่มันไม่ได้ง่าย สมัยนี้มันแข่งกันสูงมาก ฉะนั้นการที่จะส่งออกได้ดี ทุกอย่างได้ดี สินค้าของเราต้องแข่งขันได้ มีมูลค่าที่สู้เขาได้ ฉะนั้นถ้าคุณมีแต่อุตสาหกรรมเดิม 4-5 ตัว ยานยนต์ทั้งประเทศ อย่างนี้่ ไปได้หรือ มันไม่ได้ สินค้าเกษตรที่ต้องแปรรูป ยกระดับมูลค่ามัน นี่คือหัวใจ จะทำอย่างไร อุตสาหกรรมอื่นที่เราแข่งขันได้ในอนาคตข้างหน้า เราถึงมีการประกาศอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ต้องการสร้างมันขึ้นมาสำหรับการส่งออกในอนาคตข้างหน้า

การท่องเที่ยว เราประกาศว่าท่องเที่ยวต่อจากนี้ไป เราส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง เพราะอะไร เพราะการแก้ไขปัญหายากจนที่ดีที่สุด ข้อที่หนึ่ง คือ ชุมชนต้องเข้มแข็ง เกษตรกร 1 คน จน อ่อนแอ แต่ถ้าเขารวมเป็นชุมชนได้ เขาเข้มแข็ง เมื่อเขาเข้มแข็งได้ ท่านก็สามารถนำเทคโนโลยีเข้าไปได้ เอาสิ่งใหม่ๆ เข้าไปได้ มันก็สามารถสร้างมูลค่าได้ ท่านก็รู้ว่าถ้าคนจนทั่วๆ ไป การเปลี่ยนแปลงทำได้ลำบาก ธ.ก.ส. กระทรวงเกษตรฯ เขาเริ่มกันที่ Smart Farmer Smart Farmer ไม่ใช่คนที่ฉลาดนะ แต่มันคือ Leader opinion คือคนที่เป็นผู้นำในหมู่บ้านเหล่านั้น ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ กล้าเปลี่ยนแปลง เมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วมันก็จะเกิดการกระจายไปสู่ลูกบ้าน ทั้ง community ทั้งสังคม ทั้งประเทศ นี่คือตัวที่สอง

ฉะนั้น เมื่อท่านพยายามปฏิรูปการเกษตรให้มันดีขึ้น เอาท่องเที่ยวเข้าไปถึงหมู่บ้าน คนจะไปเที่ยวได้มันต้องมีอะไร ต้องมีเส้นทางคมนาคม เราสร้างทางถนนให้รถ 30-40 ปี รถไฟไม่เคยมี มีอยู่แค่ 250 กว่ากิโลเมตร กี่สิบปี แต่รัฐบาลนี้ใช่หรือไม่ เมกะโปรเจกต์มันออกมา ออกมาอย่างน้อยๆ รางคู่ 7 เส้นทางแล้ว อย่างน้อย จาก 251 เป็นประมาณ 4,000 กิโลเมตร ภายในเวลา 5 ปี ไม่ใช่เท่านั้น นโยบายของเราก็คือว่า เอารถไฟไปที่เมืองรองด้วย ให้มันเกิดการเชื่อมโยงระหว่างเมือง ระหว่างเมือง การท่องเที่ยวมันถึงจะไปถึง รถค่อยไป ถนนค่อยไปเชื่อมต่อเหมือนอย่างต่างประเทศเขา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นใช่ไหม

รถไฟฟ้าเคยเกิดไหม ตั้งแต่เกิดบีทีเอสขึ้นมากี่สิบปี นี่ออกมาแล้ว 7 เส้นทาง ใช่ไหม แล้วเกิดอะไรขึ้นมาอีก EEC ผมเรียนท่านตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า ถ้าท่านไม่มี EEC ท่านจะเอาอะไรไปขายสู้กับเวียดนาม เขาบอกว่าเขามีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เด่นของเขา 3 แห่ง มีที่โฮจิมินห์ ซิตี มีที่ดานัง มีที่เมืองหลวงของเขา เรามีอะไร ค่าแรงแพงกว่าเขาครึ่งหนึ่ง ฉะนั้น EEC มันถึงเกิดขึ้นมา พยายามทำให้มันเป็นเบ้าหลอมของการนำเข้า-ส่งออก และเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีมูลค่า และให้มันเป็น Hub ของภูมิภาคนี้ โครงการมันก็เลยออก จริงอยู่โครงการเหล่านี้มันก็ต้องอาศัยเงิน ก็พยายามคิดว่า หนึ่ง งบประมาณ จะเซฟงบประมาณได้อย่างไร เซฟการกู้ได้อย่างไร ก็ออก Future Fund ออกมา Infra Fund ออกมา มันก็สำเร็จไปแล้ว 1 โครงการ เซฟเงินรัฐบาลไปได้ประมาณ 50,000 ล้านบาท นี่เพียงแค่โครงการเดียว เราเน้น PPP การร่วมลงทุนกับเอกชน เซฟเงินรัฐบาลได้อีก

อย่างโครงการรถไฟ 3 สนามบินที่ EEC รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเลย เอกชนเขาหาพวกมาสู้กัน ประมูลแข่งกัน เขาชนะ เขาต้องทำให้เมืองไทย สิ่งเหล่านี้จะบอกว่าเฉพาะแค่ 3-4 วัน ได้ประโยชน์ได้อย่างไร เพราะเมื่อมี EEC แล้ว อุตสาหกรรมใหม่ๆ มันก็เกิดขึ้นที่นั่น แต่หลักการก็คือว่า เมื่อคุณเกิดอุตสาหกรรมที่นั่น ก็อย่าไปสร้างให้มลภาวะเป็นพิษ ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมด้วย ค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นอาจจะมีปัญหาในการสื่อความ มันก็ต้องใช้เวลา แต่อย่างน้อยที่สุดวันนี้ 5 โครงการใหญ่ คือ แหลมฉบัง มาบตาพุด รถไฟ สนามบินอู่ตะเภา 4 โครงการนี้มันเริ่มเดินหน้าแล้ว เหลือแค่ MRO ศูนย์ซ่อมที่ยังไม่เดินหน้า ซึ่งจะต้องไปเร่งให้มันดีขึ้น ฉะนั้น EEC มันต้องเกิด เพราะว่าสร้างจุดขายใหม่ให้ประเทศไทย สร้างแรงดึงดูดให้กับประเทศไทย แล้วสิ่งเหล่านี้ท่านบอกว่าสร้างเยอะแยะ สมัยก่อนไม่ได้สร้างเลย สมัย 4-5 ปีก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามา ตัวหนี้ต่อจีดีพี เท่าไร ครั้งนี้ ล่าสุดอยู่ที่แค่ 42 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้สูงกว่าในอดีตเลย คำตอบมันอยู่ที่ว่า ที่กู้มา ลงทุนอะไรจริงจัง สร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่ ถ้าสร้างได้ จีดีพีมันโตขึ้นมา มันก็สามารถรองรับขึ้นมาได้ สิ่งเหล่านี้ ตัวเลข indicator ที่สากลเขายอมรับ เราดีขึ้นทุกตัว ท่านบอกเละเทะทุกตัว ผมเลยต้องขออนุญาตพูด เห็นต่างนะครับ ซึ่งเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ท่านก็พูดของท่านได้ ผมก็พูดของผม และก็หวังว่า ถ้ามีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นมากขึ้น เราก็จะเข้าใจกันมากขึ้น ร่วมมือกันมากขึ้น”


กำลังโหลดความคิดเห็น