สภาเดือด “ยุทธพงศ์” อภิปรายนโยบายปราบโกง ขณะนายกฯ ออกจากห้องประชุมไปพบประธาน ICAO ถือโอกาสแหย่ ทนฟังเรื่องทุจริตไม่ได้ต้องหนีประชุม จนประท้วงกันวุ่น-เหน็บแนมกันไปมา ด้าน “เสรีพิศุทธ์” อดได้พูดต่อ หลัง “ชวน” วินิจฉัยอภิปรายจบไปแล้ว ขู่ใช้สิทธิตามกฎหมาย
ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระการแถลงนโยบายรัฐบาล วันนี้ (26 ก.ค.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงนโยบายของรัฐบาล โดยระบุว่านโยบายที่นำมาแถลงไม่มีการระบุตัวเลขแหล่งที่มาของรายได้เป็นรายลักษณ์อักษรตามรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ชี้แจงให้ชัด หากจะแถลงด้วยวาจาก็จะต้องมีเอกสารส่งมาให้รัฐสภาภายใน 3 วันนั้น ทั้งนี้ เห็นว่าตลอดการบริหารราชการของนายกรัฐมนตรี 4 ปีเศษ มีแต่ขาดดุล ต้องกู้เงินมา 2 ล้านล้านบาท หากนายกรัฐมนตรีมาดำรงตำแหน่งครบวาระอีก 4 ปีจะต้องกู้เงินถึง 5 ล้านล้านบาทหรือไม่ และที่บอกว่าประชาชนรวยขึ้น รวยด้วยการเป็นหนี้หรือไม่ จึงขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลกู้เงินมาโกงหรือไม่ ดังนั้น บอกว่ามีนโยบายปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในงวดราชการ ตนจึงไม่เชื่อ เพราะนายกรัฐมนตรียังเป็นคนเดิม ไม่ได้ปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง
ต่อมานายยุทธพงศ์ได้อภิปรายถึงนโยบายการปราบปรามการทุจริต โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบและจัดการกรณีที่มีความไม่โปร่งใสในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่นำงบประมาณที่ได้มาถึงร้อยละ 80 มาจัดซื้อจัดจ้างรถดับเพลิงในราคาแพงเกินจริง และยังไม่ได้ใช้การ นำมาจอดเรียงไว้ และยังมีกรณีการประมูลงานในท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ที่กำลังจะมีการประมูล และมีมองปัญหาเรื่องของความไม่โปร่งใสและมีการฮั้วประมูลกับบริษัทที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล
เมื่ออภิปรายถึงช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นจับไมค์และทำท่าจะชี้แจง โดยไม่ได้ขออนุญาตประธานในที่ประชุมว่าขอชี้แจงก่อน เพราะมีภารกิจไปพบกับประธาน ICAO ที่เดินทางมาประเทศไทย ทำให้นายยุทธพงศ์ย้อนถามว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับท่านนายกฯ ท่านไปเกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือ” นายกรัฐมนตรีตอบว่า เกี่ยว เพราะเป็นโครงการอีอีซีที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ จากนั้นประธานจึงปิดไมค์ของนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นผู้ชี้แจงแทน แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปทันที นายยุทธพงศ์จึงพูดเยาะเย้ยว่า นายกฯ ทนฟังเรื่องปัญหาการทุจริตไม่ได้จึงหนีออกจากห้องประชุม ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเกิดการประท้วงกันวุ่นวายทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล โดย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงประธานที่ปล่อยให้นายยุทธพงศ์พูดจาเสียดสีพาดพิงบุคคลอื่น และขอให้จัดการกับนายยุทธพงศ์เหมือนกับที่จัดการ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถูกเชิญออกจากห้องประชุม
จากนั้นนายยุทธพงศ์อภิปรายต่อ โดยพูดเหน็บแนมว่าขอให้จัดการกับพวกตัวประกอบ 10 บาทด้วย ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐลุกขึ้นประท้วงขอให้ถอนคำพูดดังกล่าว จนมีการประท้วงกันไปมา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.จึงลุกขึ้นมาประท้วงผู้ที่อภิปรายและบอกว่า “ผู้อภิปรายดูถูกเหยียดหยามสมาชิก หากผมจะพูดบ้างว่าผู้อภิปรายเป็น ส.ส.ขี้ข้าโจร” เมื่อถึงตรงนี้ ทำให้ ส.ส.ในห้องประชุมถึงกับโห่ นายพรเพชรจึงปิดไมค์ ขณะที่นายยุทธพงศ์ตอบกลับทันทีว่า “ขอให้ถอน ผมขี้ข้าโจรที่ไหน ผมมาจากการเลือกตั้ง ไม่เหมือนท่าน เลียรองเท้าทหารมา” ทำให้เสียงฮือหนักขึ้นจนประธานวินิจฉัยขอให้ขอให้ถอนทั้งสองคน ในที่สุดนายยุทธพงศ์ยอมถอนคำพูด แต่นายกิตติศักดิ์ยืนยันไม่ถอนและเดินออกจากห้องประชุมไป โดยนายพรเพชรได้สั่งให้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมานายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ขึ้นมาสลับทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง และดำเนินการอภิปรายได้ต่อไป จนเมื่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขออนุญาตให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้อภิปรายอีกครั้ง เพราะยังอภิปรายค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่นายชวนไม่อนุญาต โดยวินิจฉัยว่าการอภิปรายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จบไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ลุกขึ้นขออภิปรายต่อ โดยย้อนเหตุการณ์การปะทะคารมกับนายกฯ ให้นายชวนฟัง แต่ในที่สุดนายชวนก็ยังยืนยันไม่ให้อภิปรายต่อ โดยกล่าวว่าต้องขออภัยที่อาจจะทำให้ไม่พอใจในคำวินิจฉัย แต่จำเป็นให้สภาเดินไปได้ ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นตนคงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่นายชวนกล่าวว่า “ก็เชิญครับ” ก่อนที่จะให้สมาชิกท่านอื่นอภิปรายต่อไป
