xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตใหม่สั่นสะท้าน ข้อหา “ล้มเจ้า” ใช้เวทีสภาแจงพัลวัน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




“พรรคอนาคตใหม่ สนับสนุนปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงแต่วิธีการปกป้องนั้น จะต้องไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมืองซึ่งกันและกัน”

“พรรคอนาคตใหม่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้น้อยไปกว่าพวกท่าน และไม่ได้น้อยไปกว่าคนที่กล่าวหาพวกเรา แต่การแสดงออกของแต่ละคนอาจจะมีความแตกต่างกัน ทว่า พวกเราไม่ได้ต่างกับพวกท่าน พวกเราไม่ได้มีความคิดล้มล้างและไม่ได้มีความคิดรุนแรง เราต้องการให้บ้านเมืองกลับมาสู่ระบบประชาธิปไตยและนิติรัฐให้ได้ เราต้องการร่วมกันสร้างฉันทามติร่วมกัน เพื่อพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้งเสียที เราไม่ได้คิดตั้งตนเป็นศัตรูกับกองทัพ แต่เราไม่สนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ เราไม่ต้องการให้รัฐบาลพลเรือนไปอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาดูแลของกองทัพเท่านั้น เราต้องการกองทัพที่เป็นอาชีพ และเราต้องการมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน”

นั่นเป็นคำอภิปรายตอนหนึ่งของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะสมาชิกรัฐสภาระหว่างการอภิปรายร่างนโยบายรัฐบาลวันแรกเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยนอกเหนือจากการโจมตีร่างนโยบายรัฐบาล ว่า “เลื่อนลอย โลเล หลอกลวง” ไร้ความชัดเจนแล้ว สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ เขายังใช้เวทีในรัฐสภายืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่และพวกเขาสนับสนุนปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้มีความคิดล้มล้าง เป็นต้น

โดย ปิยบุตร พยายามกล่าวย้ำในเรื่องดังกล่าวระหว่างการอภิปรายหลายครั้ง อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในอีกมุมหนึ่ง ราวกันว่าเป็นคำพูดของคนที่ “มีปม” อะไรบางอย่าง เพราะหากเปรียบเทียบกับคนทั่วไป หรือสมาชิกรัฐสภาคนอื่นย่อมไม่มีความจำเป็นต้องมาตอกย้ำกันแบบนี้กันหลายๆ ครั้ง จนดูเป็นผิดปกติจากคนทั่วไป

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะพฤติกรรมและคำพูดรวมไปถึงท่าทีที่ผ่านมา ปิยบุตร แสงกนกกุล คนนี้เข้าข่าย และหมิ่นเหม่อยู่หลายครั้งแบบต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาเป็น ส.ส.ในนามพรรคอนาคตใหม่ โดยก่อนหน้านี้ เขาร่วมเคลื่อนไหวกับคนบางกลุ่มในชื่อ “คณะนิติราษฎร” ที่พยายามผลักดันไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้ ยังเคยมีการขุดคุ้ยหลักฐานที่เป็นคลิปที่เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ หลายครั้ง รวมไปถึงการการจัดรายการอัดคลิปร่วมกันกับภรรยาชาวต่างชาติที่มีการโจมตีให้ร้ายมาก่อนหน้านี้

นอกเหนือจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลที่สามารถค้นหาหลักฐานร่องรอยในอดีตว่าแต่ละคนเคยโพสต์ข้อความ และภาพที่ไม่บังควรอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะภาพและข้อความของ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เมื่อหลายปีก่อน หรือแม้แต่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคเอง ก็ให้ทุนสนับสนุนนิตยสารฟ้าเดียวกัน ที่มักวิจารณ์สถาบันบ่อยครั้ง โดยพวกเขาถูกมองว่า “มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันฯ”

แน่นอนว่า ด้วยทัศนคติดังกล่าว และการเปิดโปงด้วยเทคโนโลยีสื่อสารในยุคโซเชียลที่รวดเร็วฉับไว และที่สำคัญเคยพูดหรือเคลื่อนไหวแบบไหนล้วนถูกขุดคุ้ยหาหลักฐานมาแฉได้หมด และแน่นอนว่าสถานะในปัจจุบันที่พวกเขาเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะย่อมถูกจับจ้อง เหมือนกับถูก “จับแก้ผ้ากลางแดด” เห็นกันหมด ไม่เหมือนกับในอดีตที่เป็นนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว หรือนักกิจกรรมที่ดีแต่จับผิดวิจารณ์คนอื่น ไม่เคยได้รับผลกระทบ แต่มาวันนี้ทัศนคติที่เคยเป็นมาในอดีตก็เริ่มตามมาหลอกหลอน และเริ่มมีผลกระทบ

ที่น่าสนใจก็คือ การที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล พยายามตอกย้ำให้เห็นว่าพวกเขายึดมั่นและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ในครั้งนี้ จนทำให้เกิดคำถามว่ามีเจตนากลบเกลื่อน เพื่อลดผลกระทบในทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้หรือไม่ เพราะอย่างที่รู้กันว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่สามารถสร้างกระแสได้ในระดับหนึ่ง แต่นั่นยังไม่มีการเปิดโปงให้รับรู้ถึงพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวในอดีตของพวกเขามากนัก ทำให้ยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง แต่มาวันนี้เชื่อว่าเริ่มมีผลกระทบ อย่างน้อยในกลุ่มคนที่เคยสนับสนุน ย่อมมีไม่น้อยที่เกิดอาการลังเลหรือถอยออกมา โดยเฉพาะในกลุ่มที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

ที่ผ่านมา พวกเขาโดนกระแสสังคมรุมกระหน่ำอย่างรุนแรงไม่น้อย แม้ว่าอาจมีกลุ่มสนับสนุนอยู่เช่นเดิม แต่เชื่อว่าก็มีไม่น้อยที่ตั้งคำถาม และหันหลังให้ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบด้านฐานเสียงสนับสนุนในทางการเมือง กระทบต่อพรรคอนาคตใหม่ เหมือนกับที่ในเวลานี้ที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล ต้องใช้เวทีในสภา ยืนยันว่า พวกเขายึดมั่นและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งความเคลื่อนไหวแบบนี้มันก็ย่อมมองออกอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าจะได้ผลแค่ไหนต้องรอพิสูจน์!





กำลังโหลดความคิดเห็น