xs
xsm
sm
md
lg

ชัดไหม!! "ลุงป้อม" เปิดใจกลางวงสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน หลังแถลงนโยบายแล้วจะพิจารณาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค **"ธนาธร" หมดพลังประชาธิปไตย เมื่อล้มเหลวจากการโรดโชว์ที่อเมริกา และยุโรป จากนี้ไปแค่รอวันเก็บฉาก!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ข่าวปนคน คนปนข่าว




**ชัดไหม!! "ลุงป้อม" เปิดใจกลางวงสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน วันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุน แต่หลังจากแถลงนโยบายแล้ว จะพิจารณาเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียวกัน อย่าได้แตกเป็นกลุ่ม เป็นก๊วนอีก

ผิดคาดไปเล็กๆ เมื่อ"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้น ฮ.จากกรุงเทพฯ แต่เช้า ไปลงที่ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา จากนั้นก็นั่งรถตู้ ตรงดิ่งไปที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต วังน้ำเขียว ที่พรรคพลังประชารัฐ จัดประชุมสัมมนาส.ส. เตรียมรับมือการอภิปรายของฝ่ายค้านทันที จากที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า "ลุงป้อม" จะไปตรวจราชการก่อน แล้วจึงจะแวะไปปิดการสัมมนาในช่วงบ่าย

เมื่อไปถึงแล้ว ก็เลยได้รับเชิญให้เป็นประธานกล่าวปิดการสัมมนาล่วงหน้า โอกาสนี้ "ลุงป้อม" ได้กล่าวในที่ประชุมว่า การมาในครั้งนี้ มาในฐานะผู้สนับสนุน แต่หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว จะพิจารณาเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค

"หวังว่าการสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ให้เกิดขึ้นกับบุคลากรภายในพรรคของเรา ครอบครัวของเรา ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวพลังประชารัฐ ที่รวมพลังของภาคประชาชนกับภาครัฐ เข้าด้วยกัน ถือเป็นการรวมพลังเพื่อนำพาประเทศชาติให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนตลอดไป"

พร้อมกันนี้ ก็ได้ขอบคุณส.ส. ที่ร่วมแรงร่วมใจกัน จนได้มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และจะพยายามทำให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปีให้ได้ ขอเพียงทุกคนมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน อย่าได้แตกเป็นกลุ่ม เป็นก๊วนอีก แม้รัฐบาลจะมีเสียงปริ่มน้ำ แต่ถ้าทุกคนร่วมมือ ร่วมใจกัน เชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้

หลัง "ลุงป้อม" กล่าวจบ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม ที่เป็น"อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร" ก็ได้กล่าวขอบคุณในฐานะตัวแทน ส.ส.ของพรรค และบอกว่า ก่อนหน้านี้พรรคอาจจะมีความเห็นที่หลากหลาย มีกลุ่ม มีก๊วน จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง ยอมรับว่าปัญหาเกิดจากผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่วันนี้ ยืนยันได้ว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เปรียบเสมือนกรวด ทราย ต่างคนต่างที่มา แต่เมื่อผ่านความร้อน ก็เกิดการหลอมรวมเป็นแก้ว เป็นเนื้อเดียวกันแล้ว และจะรักษารัฐบาลนี้ไว้ให้นานที่สุดให้อยู่ได้นาน 4-12 ปี

ขณะที่"วีระกร คำประกอบ" ส.ส.นครสวรรค์ ได้ให้ความมั่นใจกับ "ลุงป้อม" ว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกโจมตีจากฝ่ายค้านในวันแถลงนโยบาย เพราะได้จัดเตรียม"องครักษ์" ไว้คอยพิทักษ์แล้ว พร้อมที่จะตอบโต้ทันที ถ้ามีการอภิปรายออกนอกกรอบ นอกประเด็น ขอให้ "ลุงป้อม-ลุงป๊อก-ลุงตู่" นั่งฟังการอภิปรายอย่างใจเย็น อย่านอตหลวม นอตหลุด ขอให้นั่งยิ้มอย่างเดียว แล้วทุกอย่างจะดีเอง

ถึงวันนี้คงชัดเจนขึ้นแล้วว่า "ลุงป้อม-ลุงตู่" กำลังจะเข้าสู่การเมืองเต็มตัว ในฐานะผู้นำพรรคพลังประชารัฐ

** "ธนาธร" หมดพลังประชาธิปไตย เมื่อล้มเหลวจากการโรดโชว์ที่อเมริกา และยุโรป จากนี้ไปแค่รอวันเก็บฉาก!

เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อกลับจาก "โรดโชว์" ที่อเมริกาและยุโรป "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ปิดปากเงียบสนิท ไม่พูดถึงเรื่องรัฐบาล "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยยกมาโจมตีในเรื่อง "เผด็จการสืบทอดอำนาจ" ออกมาอีกเลย หลังจากที่ถูก "ตบหน้า"อย่างจัง เมื่อทั้งสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ได้ส่งสารแสดงความยินดี และยืนยันพร้อมทำงานร่วมกันกับรัฐบาลชุดใหม่ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ... ทั้งที่เขาได้ลงทุนเดินสายโจมตีทุกทาง แต่ผลที่ออกมาถือว่า "ล้มเหลว" อย่างสิ้นเชิง ในแบบที่เรียกว่า "เสียหน้า" จนหมดสภาพไปเลย

ย้อนไปก่อนหน้านั้น ในช่วงที่เพิ่งเข้าสู่การเมือง "ธนาธร" พยายามจะยกฐานะตัวเองว่าเป็น "นักคิด" วิพากษ์วิจารณ์สังคม ชนชั้นสูง พยายามเสนอไอเดียแบบเท่ๆ เช่น พยายามพูดชี้ให้เห็นถึงเรื่อง "ความเหลื่อมล้ำ" การพัฒนาในยุครัฐบาลคสช. ที่เอื้อกลุ่มทุน ทำให้ช่องว่างเหลื่อมล้ำห่างออกไป ... ฟังเผินๆ อาจเคลิ้ม จนเกือบลืมไปว่า "กลุ่มทุนไทยซัมมิท" ที่เป็นธุรกิจครอบครัวของเขา และก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เขาก็ได้รับ "มรดกทุน" นี้ จากครอบครัว จนขึ้นเป็นผู้บริหาร และ บริษัทที่ว่านี่แหละ เคยถูก "ใจ อึ๊งภากรณ์" ลูกชายของ "ป๋วย อึ๊งภากรณ์" ตำหนิอย่างรุนแรง ในกรณีเลิกจ้างพนักงานที่รวมตัวขอขึ้นค่าแรง และพยายามก่อตั้งสหภาพแรงงาน เมื่อหลายปีก่อน

ภาพที่เห็นมันจึงดูขัดแย้งกันเองพิกล จนรู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ หรือมีเจตนาให้ดูเท่ เพื่อหวังการสนับสนุนจากคนที่ไม่รู้เบื้องหลัง ให้เกิดอารมณ์ร่วมเท่านั้น

และเมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน หากพิจารณาจากอารมณ์ของคนในสังคมในช่วงเวลานี้ เปรียบเทียบกับกระแสในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่า ต่างกันลิบลับ อาจเป็นเพราะ "กาลเวลา" ทำให้ได้เห็น "ตัวตน" ของเขามากขึ้น เขาเริ่มถูกมองว่า "ไม่ใช่ของจริง" โดยเฉพาะในเรื่อง "พื้นฐานความคิด" ข้อมูลแทบทุกเรื่องล้วนกลายเป็น "จุดด้อย" แทนที่จะเป็นจุดเด่น เช่น เรื่องปัญหาประมง เป็นต้น ที่เขาถูกตอกหน้ากลับมายับเยินว่ารับรู้ข้อมูลไม่รอบด้าน และอีกหลายกรณีที่พอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขา "ไม่ใช่ผู้นำทางความคิด" ที่แหลมคมพอ เป็นได้แค่พื้นๆ ดาษดื่นทั่วไปเท่านั้น หรืออย่างมากก็เป็นเพียงระดับ "นักปลุกระดม" ธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่ใช่ผู้นำทางการเมือง

โดยเฉพาะเมื่อ"ล้มเหลว"จากการโรดโชว์ที่อเมริกาและยุโรป กลับมาเผชิญกับสภาพความเป็นจริง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาเรื่อง "ถือหุ้นสื่อ"ของเขา และล่าสุด ยังถูกร้องในข้อหาล้มล้างการปกครอง จากการไปกล่าวหา โจมตีประเทศตัวเอง ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ วิญญาณนักปลุกระดมก็เริ่มเข้าสิง

เห็นได้จาก คำพูดที่ออกมาในเชิงข่มขู่ พร้อมตั้งคำถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ถือว่ากระบวนการยุติธรรม มีปัญหาหรือไม่ ขณะเดียวกันยังชี้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจในการสั่งยุบพรรค... ทั้งที่ตามขั้นตอนแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลฯว่าจะออกมาอย่างไร เป็นไปตามขั้นตอน และพยานหลักฐาน ทุกอย่างย่อมต้องมีคำอธิบายออกมาแน่นอน ดังนั้น คำพูดที่ออกมาในลักษณะดังกล่าวของ "ธนาธร" จึงไม่ต่างจากการ ข่มขู่ และปลุกระดม

จากท่าทีดังกล่าวนี้ มุมหนึ่งอาจจะเกิดความเครียด ที่ไม่สามารถสร้างแรงกดดันจากภายนอกเข้ามาได้ จึงต้องหันกลับมาสร้างกระแสภายในประเทศอีกครั้ง

แต่นาทีนี้ถือว่าเขาอ่อนพลังลงไปแล้ว โดยเฉพาะการ "ปลุกพลังต้านเผด็จการ" ที่ถือว่าจบเกมไปแล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น