เลขาฯ ศาลรัฐธรรมนูญแจงกฎหมายใหม่ต้องกำหนดบทละเมิดอำนาจศาลฯ เหตุคำวินิจฉัยมีผลกระทบวงกว้าง ผูกพันทุกองค์กรรัฐ จึงต้องคุ้มครองตุลาการฯ ให้มีอิสระไม่เกรงถูกขู่ ยันวิจารณ์โดยสุจริตทำได้ “บรรเจิด” ยกศาลรัฐธรรมนูญในต่างประเทศก็มี เชื่อเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น
วันนี้ (10 ก.ค.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกับมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ประจำประเทศไทย จัดสัมมนาวิชาการ เรื่อง “การละเมิดอำนาจศาล : แนวคิดและการปรับใช้” โดยนายบรรเจิด สิงคะเนติ ผอ.หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของการบัญญัติให้มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็เพื่อคุ้มครองให้องค์กรตุลาการสามารถทำหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมได้อย่างเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพ ในต่างประเทศก็ได้มีการกำหนดความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญไว้หลายประเทศ เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งแต่ละประเทศมีการกำหนดองค์คณะที่มีอำนาจในการพิจารณาในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ขั้นตอนและวิธีการพิจาณาความผิดละเมิดอำนาจศาลและบทลงโทษที่แตกต่างกัน
ด้านนายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่นในศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า ในส่วนของศาลปกครองการกำหนดความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลอยู่บนพื้นฐานที่ต้องการให้การพิจารณาของศาลเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม ไม่ได้มุ่งคุ้มครองตุลาการศาลปกรอง โดยมูลละเมิดของศาลปกครองแบ่งเป็น 2 กรณี คือ การละเมิดที่เกิดขึ้นภายในศาล หรือบริเวณศาล และการละเมิดที่ไม่ได้เกิดขึ้นภายในบริเวณศาล ซึ่งโทษในฐานความผิดละเมิดศาลปกครอง คือ การตักเตือน โดยมีคำตำหนิเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้ การไล่ออกจากบริเวณศาล การลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ผ่านมาศาลปกครองเคยมีคำสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลเนื่องจากมีถ้อยคำในอุทธรณ์มีลักษณะที่เป็นการเสียดสีการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ข้อความดังกล่าวไม่ใช่การวิจารณ์การพิจารณาหรือพิพากษาคดีของศาลปกครองโดยสุจริตทางวิชาการ แต่เป็นการเสียดสี กล่าวหา ใส่ความให้ขาดความน่าเชื่อถือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ศาลปกครองจึงมีคำสั่งจำคุก รอลงอาญากำหนด 3 ปี และปรับ 5 หมื่นบาท และมีบางคดีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งลงโทษจุกโดยไม่รอลงอาญา
ขณะที่นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ในส่วนการละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนั้น ได้มีการบัญญัติไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ซึ่งบทลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญแบ่งเป็น 3 กรณี คือ ตักเตือน โดยจะมีคำสั่งตำหนิเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยหรือไม่ก็ได้ การไล่ออกจากบริเวณศาล และการลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกืน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีสามารถทำได้แต่ต้องเป็นไปโดยสุจริต ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เสียดสี อาฆาตมาดร้ายเพื่อไม่ให้เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล อย่างไรก็ตาม การที่ศาลรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องมีบทบัญญัติว่าด้วยความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็เนื่องจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมีผลกระทบในวงกว้างที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะคู่ความในคดีเช่นศาลอื่น แต่ผูกพันองค์กรของรัฐอื่นๆ ด้วย
ดังนั้นเจตนารมณ์ในการกำหนดบทบัญญัติเรื่องการละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญก็เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอิสระในการวินิจฉัยคดี ไม่ถูกข่มขู่ คุกคามให้เกรงกลัว และสามารถอำนวยความยุติซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของระบบกฎหมายและการคุ้มครองหลักความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ