ล้อมคอก “อาหารกลางวันเด็ก” ฉบับที่ 6 สถ.จี้ด่วน! 76 ผู้ว่าฯ เร่งรัดตรวจผลประเมินโครงการอาหารกลางวันโรงเรียนใน 7.7 พัน อปท.ที่อยู่ในกำกับ ในสองไตรมาสปี 62 หลังมีหนังสือให้แจ้งไปตั้งแต่ต้นปี พบมี อปท.ทั่วประเทศรายงานกลับมาแค่ 3 พันแห่ง เผย 8 จังหวัด กว่า 600 อปท.ไร้ผลรายงานประเมินทั้งสองไตรมาส เฉพาะพระนครศรีอยุธยา อปท.157 แห่ง รายงานเป็นศูนย์
วันนี้ (9 ก.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมสงเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) มีหนังสือ 2 ฉบับ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ที่ออกมาเมื่อ 5 พ.ย. 2561 และ 22 ก.พ. 2562 เพื่อให้จังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้มีการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการโครงการอาหารกลางวัน สำหรับโรงเรียน และ อปท.ที่อยู่ในกำกับ ใน 4 ไตรมาส โดยมีการกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนเพื่อประเมิน
หนังสือสั่งการทั้ง 2 ฉบับยังให้จังหวัดดำเนินการกลั่นกรองและดำเนินการรายงานผลตามแบบฟอร์มที่ สถ.กำหนดตามเวลาที่กำหนด คือ ส่งข้อมูลกลับมายังกระทรวงหมาดไทยในเดือน เม.ย. 2562
ล่าสุด สถ.ได้ดำเนินการตรวจสอบ พบว่า อปท.จำนวนมาก ไม่มีการรายงานผลมายังจังหวัดและกระทรวงมหาดไทยตามเวลาที่กำหนด และได้มีหนังสือด่วนที่สุด เป็นฉบับที่ 6 ของโครงการนี้ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการติดตามรายงานผลการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานโครงการอาหารกลางวัน ให้มีความชัดเจนในการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันการทุจริตงบประมาณโครงการนี้
คำสั่งดังกล่าวยังเร่งรัดให้ อปท.แจ้งข้อมูลตามแบบฟอร์ม โดยเฉพาะแนวทางการกำหนดให้มีตำแหน่งนักโภชนาการเพื่อแก้ไขปัญหาภารวะโภชนาการของเด็ก เยาวชนและประชาชนในท้องถิ่น โดยขีดเว้นให่ส่งข้อมูลมาในวันที่ 16 ก.ค.นี้
ล่าสุด จนถึง มิ.ย. 2562 มี อปท.กว่า 7,798 แห่งที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณอาหารกลางวัน รายงานประเมินผลการดำเนินการโครงกา รกลับมายังกระทรวงมหาดไทย ในไตรมาสแรก (1 ต.ค. - 31 ธ.ค.) เพียง 3,957 แห่ง ไตรมาสสอง (1 ม.ค. - 31 มี.ค.) รายงานกลับมาเพียง 2,212 แห่ง ขณะที่ไตรมาสสาม (1 เม.ย. - 30 มิ.ย.) ยังไม่ได้รับรายงาน
ทั้งนี้ พบว่ามี อปท.ในจังหวัดชัยนาทกว่า 60 แห่ง จังหวัดนครนายก 46 แห่ง จังหวัดปราจีนบุรี 70 แห่ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 157 แห่ง จังหวัดพิจิตร 101 แห่ง จังหวัดแพร่ 84 แห่ง จังหวัดเลย 101 แห่ง จ.อ่างทอง 63 แห่ง ไม่มีการรายงานมายังจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เพิ่งมีหนังสือด่วนที่สุด เป็นฉบับที่ 5 กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อมาตรการป้องกันการทุจริตงบประมาณค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ระบุว่า หากพบว่ามีการร้องเรียน หรือการกระทำที่ไม่สุจริตเกิดขึ้น ให้ผู้กำกับดูแลหรือผู้บริหารท้องถิ่น เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติโดยเร็ว และดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามควรแก่กรณี
หนังสือตั้งเป้าไปยัง “คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ” ที่ถือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญในการตรวจรับอาหารกลางวัน จึงขอให้กำชับคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่ ระมัดระวัง และรอบคอบในการตรวจรับพัสดุ หากมีการกระทำที่ส่อไปในทางที่ไม่สุจริตเกิดขึ้นต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องที่ไม่สุจริตนั้นเป็นลำดับแรก
“ผู้บริหารในกระทรวงมหาดไทยไม่สบายใจต่อข่าวที่ อปท.ผู้กำกับดูแลและผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่ง มิได้ให้ความเข้มงวดกับการดำเนินการตามมาตรการที่อ้างถึง เป็นเหตุให้มีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหา และตรวจรับอาหารกลางวัน อาศัยโอกาสจากการปฏิบัติหน้าที่แสวงหาประโยชน์จากงบประมาณค่าอาหารกลางวัน ทำให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันในปริมาณที่น้อย และได้รับคุณค่าสารอาหารไม่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ”