โฆษก ปชป.สวนกลับ “เพื่อไทย” ยันพรรคไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำ เพราะกำลังเดินหน้าช่วยประชาชน ย้ำไม่ลืมสัจจะ แก้รัฐธรรมนูญ ก้าวสู่ประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ต่างจากบางพรรค ทำลาย ปชต.ออกกฎเพื่อตัวเอง ถ้าไม่รู้พรรคไหน จะอ่านคำพิพากษาศาลให้ฟัง คงได้ดิ้นกันทั้งพรรค
วันนี้(6 ก.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาท้าทายพรรคประชาธิปัตย์เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญในลักษณะกล่าวหานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่รักษาสัจจะว่า ขณะนี้นายจุรินทร์ได้เดินหน้าตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนทุกวันอย่างไม่มีวันหยุด และพรรคฯ ไม่ได้ออกมาต่อปากต่อคำกับใครเพราะทุกคนมุ่งมั่นทำงาน เห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเพื่อไทยกล่าวหาเชิงประชดประชัน จึงมีความจำเป็นจะขอชี้แจงดังนี้ 1.คนชื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตลอดชีวิตทางการเมือง ไม่เคยมีความด่างพร้อย ไม่เคยทำความเสียหายให้กับประเทศชาติ มีหลักการ มีความซื่อสัตย์ สุจริต รักษาคำพูด
2.กรณีที่พรรคฯ แถลงในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นนั้นคือหลักการที่สำคัญ โดยเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอก็ได้รับการตอบรับ เราประสงค์ที่จะให้ประเทศได้เดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และประสงค์จะเริ่มต้นปลดล็อก หมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำได้ยาก ส่วนรายละเอียดในการแก้มาตราไหนอย่างไรนั้น ข้อมูลมีครบก็จะเป็นขั้นตอนในวันข้างหน้าต่อไป
“เราจะก้าวไปเพื่อให้มีประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น แตกต่างจากพรรคการเมืองบางพรรคที่ผ่านมาพยายามทำลายระบบประชาธิปไตย ซื้อเสียง ใช้เสียงข้างมากทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ออกกฎหมายเพื่อตัวเอง โกงงบประมาณแผ่นดิน ทำลายอำนาจตุลาการ ล้วนเป็นการกระทำที่ทำลายประชาธิปไตยทั้งสิ้น พรรคเพื่อไทยทราบดีว่าคือพรรคการเมืองไหน หากไม่ทราบก็จะอ่านคำพิพากษาศาลให้ฟังทุกคนในพรรคเพื่อไทยคงดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกกันทั้งพรรค” นายราเมศ กล่าว
3.ที่บอกว่าตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปนั่งอยู่ในเรือเหล็กลำใหญ่ของพลเอกประยุทธ์แล้ว เกรงว่าจะลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ พรรคเพื่อไทยพูดแบบนี้เหมือนคนที่โกหกจนเชื่อในสิ่งที่ตัวเองโกหกอยู่ทุกวันว่านั่นคือความจริงโดยเฉพาะพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา พรรคการเมืองในประเทศมีหลายพรรคแต่พรรคที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือคือพรรคที่โกงกินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน และความจริงในทางการเมืองไม่ว่าเราจะนั่งเรือลำเล็กลำใหญ่ไม่สำคัญถ้าเรือนั้นเป็นเรือที่พาพี่น้องประชาชนพ้นความทุกข์ยากและเห็นประชาชนเป็นที่ตั้ง
นายราเมศกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยเคยนั่งเรือลำใหญ่แต่ในเรือมีแต่ความสำราญของคนในครอบครัวและบริวาร สำราญจากความทุกข์ของประชาชนและประเทศ ใช้ประชาชนให้ทำงานในเรือเพื่อให้เจ้าของเรือ มีรายได้จากการสูบกินก็ส่งออกต่างประเทศ สุดท้ายก็ทิ้งประชาชนไว้กลางทะเล แต่ตอนจบเรือลำนั้นก็ชนสิ่งโสโครกอับปางกลางทะเล