“เรืองไกร” ยังติดใจ บี้ กกต.สอบ พปชร.ทำบัญชีรายงานงบการเงินโต๊ะจีนระดมทุนครบถ้วนทัน 30 เม.ย. 62 ตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ หลัง 5 คำร้องถูกตีตก อ้างพรรคจ่ายเงิน 500-600 ล้านให้หัวหน้ากลุ่มต่างๆ เพื่อเคลียร์ตำแหน่ง รมต.ลงบัญชีถูกต้องหรือไม่ ชี้ กกต.ยังตอบไม่เคลียร์ ปม “บิ๊กตู่” เป็น จนท.อื่นของรัฐ เตรียมข้อมูลเขย่าเก้าอี้ต่อ
วันนี้ (3 ก.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นคำร้องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบว่า พรรคพลังประชารัฐได้ปิดบัญชีและจัดทำงบการเงินกรณีการจัดโต๊ะจีนระดมทุนโดยถูกต้องครบถ้วนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองแล้วหรือไม่ และขอให้นายทะเบียนประกาศให้ประชาชนรับทราบ
นายเรืองไกรกล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือชี้แจงจากนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ยกคำร้องใน 5 เรื่องที่ตนร้อง บางส่วนตนก็เห็นด้วย บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย เพราะในบางคำตอบยังไม่สะเด็ดน้ำ โดยเฉพาะในสองเรื่อง คือ กรณีโต๊ะจีนระดมทุน และเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งในเรื่องโต๊ะจีนมีข้อน่าสังเกตว่าหลังการจัดโต๊ะจีนในวันที่ 19 ธ.ค. 61 หลังจากระดมทุนแล้ว พรรคพลังประชารัฐได้จัดทำบัญชี ปิดบัญชี และรายงานงบการเงินส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายแล้วหรือไม่ เพราะตามกฎหมายต้องทำให้แล้วเสร็จและแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองภายในวันที่ 30 เม.ย. 62 แต่นี่เดือนต้นเดือนกรกฎาคมแล้ว ถ้าไม่มีการรายงานมาต้องเสียค่าปรับ และเอาผิดกรรมการบริหารพรรคตามกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามเรื่องการปิดบัญชีว่าจะมีการรายงานเรื่องโต๊ะจีนมาด้วยหรือไม่ ว่ามีหน่วยงานไหนบริจาค หรือมีค่าใช้จ่ายเท่าใด
นายเรืองไกรยังกล่าวด้วยว่า มีกระแสข่าวเรื่องการจ่ายเงิน 500-600 ล้านบาท ให้หัวหน้ากลุ่มต่างในพรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเงินดังกล่าวมีการลงในบัญชีของพรรคหรือไม่ จึงอยากรบกวนนายทะเบียนพรรคเปิดเผยบัญชีของพรรคพลังประชารัฐด้วย เพื่อที่ตนจะได้ช่วยตรวจสอบ หากอะไรถูกต้องก็จะได้ช่วยยืนยัน เชื่อว่าน่าจะมีอะไรในกอไผ่
“ขออภัยนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ เลขาธิการพรรค อยากให้ชี้แจงข้อมูล ถ้าเป็นไปได้อยากให้ส่งเอกสารตั้งแต่การตั้งพรรค จนปิดบัญชีว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใด รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง”
ส่วนกรณีการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นายทะเบียนพรรคการเมืองตอบมาแบบไม่ฟันธง เพราะทุกพรรคการเมืองก็เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 กับ มาตรา 89 ทั้งสิ้น เชื่อว่าประเด็นนี้จะมีปัญหาตามมา เพราะขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯ และอยู่ระหว่างนำชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติติดตัวอยู่ โดยตนจะนำคำวินิจฉัยของศาลปกครอง กกต. และศาลรัฐธรรมนูญมาประมวล โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่รัฐคดีอื่นๆ และจะไปตรวจสอบการใช้งบประมาณช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของกระทรวงกลาโหม รวมถึงการแจ้งความจับผู้ผ่าฝืนที่ไปแจ้งความในนาม คสช. ได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาที่ไม่จบสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป
ในวันนี้นายเรืองไกรยังได้ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนของสำนักงาน กกต.ในกรณีที่ได้ยื่นคำร้องกล่าวหาผู้สมัคร ส.ส.6 ราย ซึ่งเป็นผู้สมัครที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ประกอบด้วย นายยุทธนา โพธสุธน นายประกอบ จีรกิติ นายสัญชัย อินทรสูตร ร.ต.วิจิตร อยู่สุภาพ น.ส.เกศกานดา อินช่วย และนายศันสนะ สุริยะโยธิน