xs
xsm
sm
md
lg

"พปชร."วงแตกแย่งเก้าอี้รมว. มาจาก"ลุงๆผู้ยิ่งใหญ่" สัญญาว่าจะให้ **ดึงสติคดี "จ่านิว" โหนกระแสเป็นคดีการเมือง พอๆ กับ"สลิ่ม" ไม่สมน้ำหน้า แต่สงสารไม่ลง...ได้อะไรขึ้นมา **"โอ๊ค" แหย่รังแตน เปลี่ยนคำขวัญประชาธิปัตย์ เจอสวนกลับ โคตรโกง โกงทั้งโคตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข่าวปนคน คนปนข่าว


**ต้นตอของ"พปชร."วงแตกฟัดแย่งเก้าอี้รมว.โทษใครไม่ได้ ล้วนมาจาก"ลุงๆผู้ยิ่งใหญ่" สัญญาว่าจะให้-เลือกที่รักมักที่ชัง จนพากันพัง พรรคอายุสั้น สมัยหน้าก็ตัวใครตัวมัน ?

กรณีความขัดแย้งร้าวฉานกันหนักทวงเก้าอี้รัฐมนตรีกันออกสื่อของพรรคพลังประชารัฐ กระทั่ง "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกสารขอโทษประชาชน ... ใจความโดยย่อสรุปว่า “นายกรัฐมนตรีมีความรู้สึกไม่สบายใจ และต้องขอโทษพี่น้องประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็นบุคคลที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในห้วงเวลานี้มีข่าวสารความขัดแย้งภายในพรรคปรากฏตามสื่อต่างๆ มากมาย แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง ในการบริหารภายในพรรค เนื่องจากเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สมาชิกมาจากหลายกลุ่มหลายสาขาที่มีความมุ่งมั่นจะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหน้าที่บริหารในคณะรัฐมนตรีให้ดีที่สุด

"ลุงตู่" ยอมรับว่า ยากที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ ไม่ได้ต้องการตำหนิใคร หรือสร้างความขัดแย้งใดๆ ขึ้นมาอีก"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกฯออกสารตอนสายๆ แต่กลยุทธ์ใช้ความสงบของ"ลุงตู่" ไม่อาจสยบความเคลื่อนไหวความขัดแย้งได้ ยิ่งแตกหักขึ้นไปอีก เมื่อ"กลุ่มสามมิตร" เคลื่อนไหวลงชื่อขับไล่ เลขาธิการพรรค "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์"

เรื่องของเรื่องคือ "กลุ่มสามมิตร"ไม่พอใจกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนโผรัฐมนตรี โดยมีการสลับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จากตำแหน่งเดิม รมว.อุตสาหกรรม มาเป็น รมว.พลังงาน และโยก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จาก รมว.พลังงาน ไปเป็น รมว.อุตสาหกรรม ... ขณะที่ สนธิรัตน์ เคลื่อนไหวภายหลัง รู้สึกเสียใจในปัญหาที่เกิดขึ้น และยืนยันไม่ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้ หรือเกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งแต่ประการใด ดังนั้น จึงไม่ขอรับตำแหน่งรมว.พลังงาน และหวังว่าทุกสิ่งจะคลี่คลายไปในทางที่ดี

ไม่ว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายยังไง ก็ต้องยอมรับว่า "พลังประชารัฐ"ในชั่วโมงนี้ รบราฆ่าฟันกันเองบาดเจ็บล้มตายกันเกลื่อน ... บริบทความขัดแย้งที่เกิดขึ้นคล้ายๆ เป็นเรื่อง "โคตรเบื่อ" ของนักการเมืองที่ดีแต่แก่งแย่งชิงดี หักเหลี่ยมเฉือนคม เพราะผลประโยชน์

แต่...หากมองกันลึกๆ ถึงเหตุผลต้นตอกันจริงๆ จะเห็นว่า คนที่ทำให้เกิดปัญหา ก็คือ บรรดา"ลุงๆผู้ยิ่งใหญ่" ในรัฐบาลนั่นเอง ไม่ต้องโทษใครที่ไหน ...ลุงคนหนึ่งก็ช่างสัญญา "สัญญาว่าจะให้" แก่กลุ่มนั้น กลุ่มนี้ ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง พอรวบรวมพรรคพวกได้เป็นกลุ่มก้อน แผนการจัดตั้งพรรค และระหว่างการดำเนินการ ก็สัญญาอีกครั้ง สัญญาอยู่เรื่อยๆ จนถึงเลือกตั้งเสร็จ เลือกรมว. ก็สัญญาอีก ... สัญญาในพรรคพลังประชารัฐไม่พอ ยังสัญญาไปถึง พรรคภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์อีก เรื่องมันก็เลยวุ่น เพราะแต่ละกลุ่ม แต่ละมุ้ง ก็อ้างสัญญาของ "ลุง"

"ลุงอีกคน" ก็เลือกที่รักมักที่ชัง แสดงออกมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ไม่รู้หลงใหลอะไรกับบางกลุ่ม ให้เป็นที่ปรึกษาการเมือง ดูประชาสัมพันธ์ วางตัวสู้สนามเลือกตั้งกทม. พอได้รับเลือกก็ผยอง คิดว่าเป็นฝีมือ ทั้งที่จริงเกิดจากกระแส "พิเศษ" บางอย่าง...
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ – สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
หลังเลือกตั้งลุงก็ตอบแทนด้วยเก้าอี้รมว. ด้วยความรักเมตตา ไม่มองกลุ่มอื่นๆ จนเกิดปัญหาโยกเก้าอี้ เบียดคนอื่นตกขบวน เพียงเพื่อกลุ่ม "ลูกรัก กปปส." มีตำแหน่ง กลายเป็น"ไฟสงคราม" ลุกโชนดังกล่าว ... ไปห้าม" กลุ่มสามมิตร" ไม่ให้น้อยใจได้หรือ ? หรือให้การตอบแทนดูแลกลุ่ม "สี่ยอดกุมาร" ที่ลงทุนลงแรง ทุ่มเทกับการก่อร่างสร้างพรรค และเลือกตั้งแค่ไหนอย่างไร มีคำตอบกันชัดๆ มั้ย ?

ตอนนี้เป็นแบบนี้ ลุงๆ ก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นปัญหา เพราะไม่เคยจะปฏิรูปตัวเอง

สภาพการณ์ที่ลุงๆ เป็นต้นตอปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ และคนทำงานร่วมหากยังดำเนินต่อไป แม้คลี่คลายได้ชั่วคราว แต่ใครจะเชื่อมั่นว่า "จะสงบไปได้กี่น้ำ" และจะไปต่อกันยังไง สมัยนี้สมัยเดียวก็ยักแย่ยักยันขนาดนี้ สมัยหน้าก็ตัวใครตัวมันรึปล่าว

มันจะไม่ใช่พรรคใหม่เพิ่งเกิดย่อมมีปัญหาอย่างที่"ลุงตู่"บอกเพียงเท่านั้น ...แต่น่าจะเป็นพรรคใหม่ที่มีอายุไขสั้นกว่าคิด ... ลองตรองดูเลือกตั้งสมัยหน้า สภาพแวดล้อมทางอำนาจของลุงๆ ทั่งหลายไม่ได้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนครั้งนี้ กลยุทธ์"จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด" ย่อมใช้ไม่ได้กับนักเลือกตั้งและนักการเมืองอาชีพแน่

ยิ่งมีบทเรียนจากครั้งนี้ สัญญาว่าจะให้ แต่ไม่ให้ ...เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นใครๆ เขาย่อมจำไม่ลืม ...รับไม่ได้หรอก

"พลังประชารัฐ" ที่วาดหวังจะเป็นพรรคการเมืองระยะยาว ก็แค่ความฝันของลุงๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง

**คดี "จ่านิว" เอาดีๆ มีสติกันก่อนหน่อยมั้ย ? อย่าเพิ่งด่วนสรุป ดรามาโหนกระแสเป็นคดีการเมือง หวังปลุกปั่นถ่ายเดียว พอๆ กับ"สลิ่ม" ไม่สมน้ำหน้า แต่สงสารไม่ลง...ได้อะไรขึ้นมา
สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์
คดี "จ่านิว" นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง วัย 27 ปี ถูกรุมทำร้ายร่างกายปางตาย แถวๆใกล้บ้านพักย่านคลองสามวา กำลังกลายเป็นเรื่อง ดรามา ใช้เป็นกระแสเพื่อหวังผลทางการเมือง เลยเถิดเกินไปกว่าการเห็นใจ เสียใจ หรือแสดงความสะใจ ของฝ่ายที่ยืนตรงข้ามกันจนลืมความเป็นมนุษย์ไป

น่าเป็นห่วงว่า ขณะที่คดียังไม่ชัดเจน มีบางกลุ่มบางพวกก็ด่วนสรุปกันเป็นฉากๆ บ้างก็ว่า "ทหารจัดให้นาย" แต่ก็ต้องถามกลับว่า ถ้าทหารทำแล้วได้อะไร... ตำรวจเองก็ยังไม่ระบุ สมมติฐาน หรือแรงจูงใจในการทำร้าย"จ่านิว" ว่ามาจากสาเหตุใด ใครทำ ? ไม่ว่าทหาร คู่ขัดแย้งทางการเมือง นักเลงหัวไม้ ไปจนถึงเจ้าหนี้นอกระบบ ยังไม่มีการสอบปากคำพยาน ขั้นตอนต่างๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ... ยอมรับกันไหมว่า คนที่ออกมาแสดงทัศนะว่า เป็นประเด็นความคิดต่างทางการเมือง เป็นเรื่องการลอบทำร้ายที่เกิดขึ้นกับนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่างก็สรุปจาก"มโน" และการคาดเดา ตามความเชื่อและความเคยชินของตนเอง

เช่นเดียวกับฝ่ายที่สะใจ ก็เกิดจากความรู้สึกที่ไม่ชอบ "เกลียดจ่านิว" โดยเฉพาะ "สลิ่ม" ทั้งหลายด้วยเห็นว่า จ่านิว เป็นคนที่อยู่คนละขั้วทางการเมือง และทางความคิด ... ยกตัวอย่างพิธีกรข่าวชื่อดังบางคนก็ประดิษฐ์ถ้อยคำ "ไม่สมน้ำหน้า แต่สงสารไม่ลง" ซึ่งความเกลียดชัง ก็ไม่ต่างกัน

ในกลุ่มผสมโรง กรณีนี้ยังรวมถึง "พ่อฟ้า" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ด้วย ถูกโลกออนไลน์รุมกระหน่ำว่า ฉวยสถานการณ์จับปลาตอนน้ำขุ่น โหนกระแสตัวพ่อ สรุปคดีและปลุกปั่น "ธนาธร" สรุปเลยว่า คดีจ่านิว เป็นคดีการเมือง ข้ามขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ถ้าหากคดีจ่านิว เป็นเรื่องส่วนตัว หรือ เรื่องอื่นๆ "พ่อฟ้า"จะเอ่าหน้าไปไว้ไหน

"คดีจ่านิว" มองด้วยความเป็นคนไทย ที่เอื้ออาทรอยู่ร่วมสังคม ย่อมไม่เห็นด้วยกับความก้าวร้าว ความรุนแรง หรือทำร้ายร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายกระทำ หรือใครเป็นฝ่ายถูกกระทำ สังคมควรต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เมื่อความจริงปรากฏแล้วค่อยเคลื่อนไหว พินิจพิเคราะห์กันอย่างมีสติ

ทางที่ดีที่สุด ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งด่วนสรุป ดีกว่านะ

**"โอ๊ค" แหย่รังแตน เปลี่ยนคำขวัญประชาธิปัตย์ จาก“สจฺจํเว อมตา วาจา”เป็น "ตระบัดสจฺจํเว กระดี๊กระด๊านาจา" ...เจอสวนกลับหลับกลางอากาศ กับสโลแกน โคตรโกง โกงทั้งโคตร โกงจริง ลูกน้องติดคุกจริง ลูกพี่หนีไม่มีแผ่นดินอยู่
พานทองแท้ ชินวัตร
คงเห็นพรรคพลังประชารัฐ วุ่นวายอยู่กับการ "แย่งเก้าอี้รัฐมนตรี" จนพรรคแทบแตก ...ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้กระทรวงสำคัญ อย่าง พาณิชย์ และเกษตรฯ สบายไปแล้ว ...ระหว่างรอ "ลุงตู่" จัดตั้งครม.เสร็จ บรรดาแกนนำปชป. ก็พากันออกเดินสายลงใต้ เตรียมแก้ปัญหาราคายางพารา ปาล์ม ตุนคะแนนนิยมเอาไว้ก่อน และ ตอนนี้ก็ไปอีสาน แวะที่โคราช พบเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง รับฟังความเดือดร้อน และเตรียมหาทางแก้ "โรคใบด่าง" ที่กำลังระบาดหนัก ... ทำให้ "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร เห็นแล้วคงอดรนทนไม่ไหว คันไม้คันมือ ในอารมณ์อยากยั่ว เพราะตอนที่ยังต่อรองตั้งรัฐบาลกันไม่ลงตัว อุตส่าห์ออกปากเชิญให้ย้ายข้างมาอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ยอมมา...เลยทวีตข้อความ เหน็บแนม ไปว่า...

ลุงชวน พี่มาร์ค เฮียอู๊ดด้า ฮะ ถ้าจะฉลองขนาดนี้ ม๊อตโต้พรรคฯ ที่ว่า “สจฺจํเว อมตา วาจา”แปลว่า“สัจจะวาจา ไม่มีวันตาย”เห็นควรเปลี่ยนเป็น “ตระบัดสจฺจํเว กระดี๊กระด๊านาจา” แปลประมาณว่า #ตระบัดสัตย์ต่อประชาชน #ร่วมรัฐบาลกับเผด็จการ #กระดี๊กระด๊า นะจ้ะ น่าจะเหมาะกว่านะฮ้าฟ..!!

เจอเล่นของสูงเข้าแบบนี้ พลพรรคประชาธิปัตย์ มีหรือจะทนอยู่ไหว "ชัยชนะ เดชเดโช" ส.ส.นครศรีธรรมราช เลยออกมาสวน นำร่องไปว่า ... ลูกอดีตนายกฯ หนีคดี ไม่เคยคิดจะศึกษาประวัติศาสตร์พรรคการเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ ที่เรายึดหลักการประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นที่ตั้ง สัจจะของพรรคเราที่คิดจะก้าวไปข้างหน้า เพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน เดินหน้าด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ... ไม่มีสัจจะ ว่าจะโกง เหมือนพรรคการเมืองที่ "พานทองแท้" เป็นเจ้าของ แถมเวลาออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแต่ละครั้ง ประชาชนเอือมระอา เพราะใช้ปากออกเสียงอย่างเดียว ...ไม่ได้ใช้ความคิดจากสมองเลย ... ถ้าเป็นมีด ก็ถือว่าไม่คม มันทื่อ อย่างนี้น่าจะไปเปลี่ยนชื่อเป็น "พานทองทื่อ" ...อันที่จริงนะ ควรอยู่ให้เป็นสุข "ตาหวาน" ไปวันๆ น่าจะดีกว่ามาระรานพรรคการเมืองอื่น และ ควรกลับไปเปลี่ยนคำขวัญพรรคการเมืองบางพรรค ที่คนรู้กันว่า ใครเป็นเจ้าของ เช่น โกงเลือกตั้ง โกงแผ่นดิน โกงให้สิ้น แทรกแผ่นดินหนีเลย... หรือไม่ก็ " 4 ปี โกง 4 ปีโกย" ก็ได้ เลือกเอาตามสบาย...

ตามมาด้วย "ราเมศ รัตนะเชวง" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดหนัก ไปว่า นายโอ๊ค ควรย้อนไปอ่านประวัติศาสตร์ ว่าคำขวัญพรรคประชาธิปัตย์ "สจฺจํเว อมตา วาจา" มีที่ไปที่มาอย่างไร ประชาธิปัตย์เราไม่เคยสร้างความเสียหายให้กับประเทศ พรรคฯ ก่อตั้งมา 73 ปี เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ไม่ได้ตั้งมาเพื่อประโยชน์ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง...

... เราเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื่อมั่นในการเมืองบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ สุจริต ทุกอย่างยังอยู่ครบทุกประการ นั่นคือ “สัจจะ” แห่งการก่อตั้งพรรค และพรรคไม่เคย”ตระบัดสัตย์” กับประชาชน ตลอดระยะเวลา คิดและทำเพื่อประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ...แต่นายโอ๊ค คงเคยชินกับพรรคที่มี สโลแกน "โครตโกง โกงทั้งโครต โกงจริง ลูกน้องติดคุกจริง ลูกพี่หนีไม่มีแผ่นดินอยู่" ... นี่ต่างหากคือพรรคการเมืองที่ทรยศต่อประชาชน…

อยู่ดีไม่ว่าดี ดันไป "แหย่รังแตน" ก็เลยโดนตอกกลับ หลับกลางอากาศ เลยนะโอ๊ค .




กำลังโหลดความคิดเห็น