ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อึ้งกันไปทั้งบาง e-passportรุ่นใหม่สไตล์”บัวแก้ว” ไม่ให้ค่า "ป้องกันปลอม" ปูด ลดสเปกเพราะเห็นแก่ค่าจ้างทำราคาถูก คนไปนอกหนาวๆ ร้อนๆ จะผ่านตม.มั้ย
งานนี้ต้องฝาก "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.ต่างประเทศ ดูเป็นพิเศษ เพราะ คนทั้งบางรับไม่ได้ และสงสัยหนักมาก ว่าด้วยเรื่อง "หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-passport"รุ่นใหม่ ที่เพิ่งได้เอกชนผู้ชนะประมูลผลิตและให้บริการทำไปเมื่อไม่นานนี้ ... แว่วว่า เอกชนที่ชนะครั้งนี้ไม่ได้นำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหนือคนอื่น หากแต่เอาชนะด้วยเงื่อนไข "ราคา" ที่จะทำให้"กระทรวงบัวแก้ว" จ่ายน้อยที่สุด หรือเสนอราคาต่ำสุด ชนิดที่หั่นราคาห่างกว่าราคากลางกว่าครึ่ง !
เดิมนั้น ถ้ายังจำได้ เมื่อปี 61 กระทรวงต่างประเทศ ประกาศประกวดราคาจ้างเอกชนผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 จำนวน 15 ล้านเล่ม หรือ ภายในระยะเวลา 7 ปี แล้วแต่กรณีใดจะถึงก่อน ราคากลาง 12,438,750,000 บาท หรือ เล่มละ 829.25 บาท แต่การประมูลต้องยกเลิกไป เพราะ...มีผู้ยื่นข้อเสนอถูกต้องตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ "เพียงรายเดียว"
พอเปิดประมูลใหม่ และ เพิ่งประกาศไปเมื่อ วันที่ 8 พ.ค.62 กระทรวงการต่างประเทศ ออกประกาศผู้ชนะชนะการประกวดราคา คือ" DGM Consortium" เสนอราคาค่าจ้างคิดเป็นเงิน 7,463,250,000 บาท หรือคิดเป็นเล่มละ 497.55 บาท
"กลุ่ม DGM Consortium" คือใคร ? บริษัท Data Product Toppan Form (บริษัท ดาต้าโปรดักส์ ทอปปัง ฟอร์ม ) เอกชนรายเดียวกันกับที่เป็นคู่สัญญาทำบัตรประจำตัวประชาชน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้รัฐบาลลุงตู่ นั่นเอง
"บัวแก้ว"ประหยัดไปได้ เกือบๆ 5 พันล้าน!! แต่จะคุ้มกันมั้ย ? เพราะ มีประเด็นที่น่าสงสัย ราคาที่ถูกลงนั้นเพราะไปลดสเปก "เรื่องการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติป้องกันการปลอมแปลงของหนังสือเดินทาง" ... เรื่องนี้สำคัญมาก โดยที่ปรากฏอยู่ใน TOR เมื่อเทียบกับการจัดซื้อจัดจ้างครั้งก่อน (พ.ศ. 2554) กับครั้งนี้ (พ.ศ.2561) เห็นได้ชัดว่า ได้มีการปรับลดคุณสมบัติเรื่อง Image Perforation using laser ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านการป้องกันการปลอมแปลงหนังสือเดินทางที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ... เทคโนโลยีนี้ เป็นคุณสมบัติที่ตรวจสอบการปลอมแปลงได้ง่าย และเป็นคุณสมบัติที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานาน ไม่เคยมีข่าวว่าปลอมกันได้
ที่น่าสงสัยคือเมื่อเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายแล้ว แต่ทำไมกระทรวงฯ ถึงไม่เห็นความสำคัญและเลือกที่จะตัดคุณสมบัตินี้ทิ้ง...คนเขาสงสัยหนักมากก็ตรงนี้
ทีนี้จะเกิดอะไรกับ "คนถือ e-passport รุ่นใหม่" บ้าง พอปลอมกันง่ายขึ้น ความน่าเชื่อถือก็จะมีปัญหา เดินผ่านด่านตม.ก็จะตุ่มๆต่อมๆ อาจจะถูกตั้งคำถามจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้น หรือพาลถึงขั้นถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ... พาสปอร์ตของแต่ละประเทศจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่รับทำพาสปอร์ตนั้น ต้องการให้พาสปอร์ตมีคุณสมบัติอะไรที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น ... แต่สิ่งที่นานาประเทศทำและต้องการคือ "พาสปอร์ตต้องปลอมแปลงได้ยาก" เพราะ ปลอมง่ายก็จะมีปัญหาร้ายแรงตามมา โดยเฉพาะอาชญากรที่ก่ออาชกรรมข้ามชาติ
น่าเป็นห่วง e-passport รุ่นใหม่จะไปซ้ำรอยเหมือนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ปัญหายุ่บยั่บไปหมด
เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล หรือ "รมว.ดอน" จะเอามาตรฐานถอยหลังเข้าคลองไปสู่สากลแบบนี้ ก็ว่ากันไป แต่ยังไงก็ควรคำนึงถึงหน้าตาประชาชนคนไทย ที่อาจจะถูก ตม.นานาชาติปฏิเสธหนังสือเดินทางกันบ้าง
น่าอับอาย ขายหน้าเขานะครับท่าน .
** เมื่อ"กลุ่มสามมิตร" ต้องสูญเสียโควตา โผครม.ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ จึงกระเพื่อมหนัก ถึงขั้น "ลุงตู่" ต้องออกมาทุบโต๊ะ ว่าเป็นอำนาจของนายกฯที่จะจัดการ แต่เชื่อเถอะ ...โผครม.จะนิ่ง ก็ต่อเมื่อถึงวินาทีสุดท้ายที่นายกฯนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
โผครม.ที่กระเพื่อมครั้งล่าสุด จากการที่ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่มีส.ส.อยู่ 3 เสียง ส่งลูกน้องออกมาทวงเก้าอี้รัฐมนตรี ให้กับ "เทวัญ ลิปตพัลลภ" น้องชาย ที่รั้งตำแหน่ง หัวหน้าพรรค ซึ่ง"ผู้จัดการรัฐบาล" ประเมินผลได้ ผลเสียที่จะตามมาแล้ว ก็ตัดสินใจมอบตำแหน่งรัฐมนตรี ให้พรรคชาติพัฒนา ไปตามคำเรียกร้อง แต่โผของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อย่างภูมิใจไทย , ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา นิ่งดีแล้ว จึงจำเป็นต้องมารื้อโผในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเกลี่ยตำแหน่งกันใหม่ ...
ทำให้มีข่าวออกมาว่า "นายอนุชา นาคาศัย" หนึ่งในแกนนำ "กลุ่มสามมิตร" ที่เคยมีชื่อเป็นว่าที่ รมช.คลัง ต้องหลุดจากโผ นอกจากนี้ "นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" แกนนำกลุ่มสามมิตร อีกคน ที่เคยถูกวางตัว เป็นว่าที่ รมว.พลังงาน ก็ถูกโยกไปเป็น รมว.อุตสาหกรรม สลับกับ "นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรค ที่มาเป็นรมว.พลังงานแทน ...นอกจากนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น หรือ" เสี่ยเฮ้ง" ส.ส.ชลบุรี ก็จะหลุดจาก ว่าที่ รมว.แรงงาน ด้วย เนื่องจาก"หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เดิมติดโผ รมว.การต่างประเทศ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการให้ "นายดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.การต่างประเทศคนปัจจุบันอยู่สานงานต่อ จึงต้องโยก "หม่อมเต่า" มาเป็น รมว.แรงงาน ส่วน"นายเทวัญ ลิปตพัลลภ" จะได้มานั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วโยก"นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไปนั่ง รมว.ดิจิทัลฯ ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อ "นายอัครา พรหมเผ่า" น้องชาย"ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า" เป็นว่าที่รัฐมนตรีอยู่ ถ้าเป็นเช่นนี้ น้องชายผู้กองธรรมนัส ก็จะต้องหลุดโผไปอีกคน
พลันที่มีการขยับโผกันใหม่ "กลุ่มสามมิตร"โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ที่"เก็บอาการไม่อยู่" ก่อนใครเพื่อน ถึงกับออกมาแถลงข่าวว่า จะ "ถอนยวง" หากไม่ได้นั่งเก้าอี้ รมว.พลังงาน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ... แต่ "ลุงตู่" ซึ่งขณะนั้น กำลังประชุม" จี 20" อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็"ทุบโต๊" ข้ามประเทศมาว่า ทุกอย่างมันจบแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะการจัดคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกฯ และได้ตัดสินใจแล้ว ...
ได้จัดวางใคร อยู่ที่ตำแหน่งไหนกันบ้าง
มีข่าวว่า เมื่อ"ลุงตู่"กลับจากญี่ปุ่น ก็ได้ให้แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เรียกแกนนำ "กลุ่มสามมิตร" มาพูดคุยให้เกิดความเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องให้เก้าอี้รัฐมนตรี กับพรรคชาติพัฒนา โดยอธิบายว่า แม้พรรคชาติพัฒนา จะได้เพียง 3 เสียง แต่ก็เป็น 3 เสียง ที่ได้มาด้วยตัวเอง ต่างกับกลุ่มสามมิตร ที่อาศัยเงินทุน และทรัพยากรจากพรรคพลังประชารัฐ ในการหาเสียงเลือกตั้ง จนได้เป็น ส.ส. ดังนั้นจึงควรยอมรับ และปฏิบัติตามการตัดสินใจของพรรค พร้อมยื่นคำขาดว่า หากกลุ่มสามมิตร ยังยืนกรานในเงื่อนไขเดิม ก็ให้นำเงินที่ใช้ในการหาเสียง มาคืนให้กับพรรคด้วย จากนั้นจะอยู่ หรือจะออกจากพรรค ก็ตามใจ ...เมื่อ"ไม้แข็ง" เช่นนี้ ทำให้ทางกลุ่มสามมิตร จึงมีท่าทีที่อ่อนลงไป...
ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้แบบ 100%ว่า ที่ "ลุงตู่"บอกว่าทุกอย่างจบแล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแล้วนั้น จะมีชื่อใคร อยู่ในตำแหน่งไหนกันบ้าง...ชื่อและตำแหน่งที่คาดเดากันว่า ใครจะโยก จะสลับกับใคร ใครหลุดโผ ใครเข้ามาเสียบ อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ... เรื่องอย่างนี้ ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการเมือง มักพูดเสมอว่า โผครม.จะมีไม่วันนิ่งแบบ 100% จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย ที่มีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
**โพลสำรวจ "10 อันดับปัญหาการเมืองไทยที่คาใจประชาชน ณ วันนี้" ผลออกมาฟ้องชัดว่า การจัดตั้งรัฐบาล การแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี เป็นปัญหาอันดับ1 ตามมาด้วยเรื่องคอร์รัปชั่น และผลการเลือกตั้ง ที่กกต.ยังไม่เคลียร์ในเรื่องที่คลุมเครือ ...น่าแปลกใจ ที่คนมองเห็นเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง เป็นปัญหาลำดับสุดท้าย
ถึงวันนี้ เป็นเวลาร่วม 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง แต่การจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่เรียบร้อย จากก่อนหน้านี้ที่ต้องเจรจาต่อรองโควต้ารัฐมนตรี และกระทรวงสำคัญกับพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มนิ่ง แรงกระเพื่อมก็มาเกิดกับ"พรรคพลังประชารัฐ" ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากในพรรคนี้ มีกลุ่มก๊วนการเมืองมารวมกันอยู่มากมายหลายกลุ่ม...ช่วงการทำโพลของสำนักต่าง จึงพุ่งมาที่เรื่องการเมืองกันเป็นหลัก อย่างเช่น "สวนดุสิตโพลสำรวจ" ที่สำรวจ 10 อันดับ ปัญหาการเมืองไทยที่คาใจประชาชน ณ วันนี้
ปรากฏว่า อันดับ 1 ที่ประชาชนเห็นว่า เป็นปัญหาที่ค้างคาใจ คือ เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล การแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี ด้วยคะแนน 46.87% เพราะยังไม่เห็นความชัดเจน ใช้เวลานานในการจัดตั้ง จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ และ คุณสมบัติรัฐมนตรีแต่ละคน เหมาะสมเพียงใดก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม ส่วน อันดับ 2 เป็นเรื่อง การทุจริตคอร์รัปชัน 38.28% เพราะมีมาทุกยุคทุกสมัย มีการปราบปราม แต่ไม่ลดลง อันดับ 3 เป็นเรื่องผลการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 ที่ผ่านมา เพราะ ถึงวันนี้ กกต. ก็ยังไม่ชี้แจงในประเด็นที่คลุมเครือ ไม่ว่าจะเป็น การนับคะแนน สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ ไม่เป็นที่ยอมรับ มีการโกงเลือกตั้งกันหรือไม่ ก็ยังไม่เห็นมีการตัดสินเรื่องที่ร้องเรียนกันไป
อันดับ 4 การบริหารประเทศของรัฐบาล /นโยบายประชารัฐ 26.53% เพราะ ประเทศอยู่ในภาวะหยุดชะงัก บริหารงานไม่ต่อเนื่อง นโยบายที่หาเสียงไว้จะสามารถทำได้หรือไม่ รัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบวาระ ฯลฯอันดับ 5 ที่มา 250 ส.ว. / บทบาท และอำนาจหน้าที่ 25.62% เพราะ หลักเกณฑ์การสรรหาและการคัดเลือกไม่โปร่งใส มีทั้งระบบพวกพ้อง เครือญาติ ทำไม ส.ว.โหวตเลือกนายกฯได้ ฯลฯ
นอกจ่ากนี้ เรื่องที่ค้างคาใจเป็น อันดับ 6 คือ การบังคับใช้กฎหมาย -กฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ถูกมองว่า มีความเอนเอียง สองมาตรฐาน อันดับ 7 เรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.และส.ว.ที่ถือหุ้นสื่อ อันดับ 8 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ อันดับ 9 การใช้งบประมาณในโครงการต่างๆ และเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากที่คนเห็นว่าเป็นปัญหา สุดท้าย อันดับ 10 คือเรื่อง คุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง ที่ยังใช้ระบบอุปถัมภ์ สนับสนุนแต่พวกพ้อง ไม่คำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ