กลุ่มคนรักและชื่นชอบ "ตะเกียง” ร่วมจัดงาน “สืบสานตำนานตะเกียง” นำตะเกียงโบราณล้ำค่ามาแสดง พร้อมเปิดประมูลนำรายได้มอบ “วัดพระบาทน้ำพุ” ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ เผยไฮไลท์ร่วมชมตะเกียงอายุ 100 ปีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นายชัยณรงค์ ชินะอุษากร ทีมงานผู้บริหารตลาดจตุจักรเพลย์กราวด์ ตึกแดง (ตรงข้ามตลาดนัดสวนจตุจักร) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ตลาดจตุจักรเพลย์กราวด์ ได้จัดงาน “สืบสานตำนานตะเกียง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำตะเกียงโบราณที่มีอายุตนับ 100 ปีขึ้นไปมาจัดแสดง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมชมความสวยงามและศึกษาถึงประวัติของตะเกียงโบราณที่ทรงคุณค่าแก่การเก็บสะสม โดยช่วงก่อนค่ำ ทุกคนได้ร่วมกันจุดตะเกียงโบราณให้ส่องสว่างเป็นการเปิดงานอย่างเป็นทางการ และภายในงานมีกลุ่มคนรักและชื่นชอบตะเกียงโบราณและจักรยานโบราณได้นำสิ่งของล้ำค่ามาเปิดประมูลด้วย ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ต่อไป
“ภายในงานจะมีตะเกียงเจ้าพายุที่สาวนใหญ่ใช้น้ำมันก๊าด ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ส่องสว่างยามนวดข้าวหรือนำไปใช้ในการลงเบ็ดหาปลาตอนกลางคืนตามชนบทต่างๆ และยังมีตะเกียงสีดำชิ้นมีอายุราว 80 ปีถูกนำมาจัดแสดง มีตะเกียงแสงจันทร์ ลักษณะ เป็นตะเกียงน้ำมันก๊าดชนิดหนึ่ง ที่ต้องอัดลมเข้าตัวถังเหมือนกับตะเกียงเจ้าพายุ จะใช้กันตามโรงงิ้วหรืองานวัด เพราะตัวใหญ่ส่องสว่างได้ทั่ว และมักใช้ในงานชุมนุมกันของคนสมัยก่อนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมถึงใช้ในบ้านของเจ้าขุนมูลนาย คหบดี ซึ่งปัจจุบันหาดูได้ยากมาก ซึ่งประเทศไทยเรามักพบเห็นตะเกียงใช้ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นและพบเห็นมากที่สุดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5" นายชัยณรงค์ กล่าว.
นายชัยณรงค์ ชินะอุษากร ทีมงานผู้บริหารตลาดจตุจักรเพลย์กราวด์ ตึกแดง (ตรงข้ามตลาดนัดสวนจตุจักร) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ตลาดจตุจักรเพลย์กราวด์ ได้จัดงาน “สืบสานตำนานตะเกียง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำตะเกียงโบราณที่มีอายุตนับ 100 ปีขึ้นไปมาจัดแสดง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมชมความสวยงามและศึกษาถึงประวัติของตะเกียงโบราณที่ทรงคุณค่าแก่การเก็บสะสม โดยช่วงก่อนค่ำ ทุกคนได้ร่วมกันจุดตะเกียงโบราณให้ส่องสว่างเป็นการเปิดงานอย่างเป็นทางการ และภายในงานมีกลุ่มคนรักและชื่นชอบตะเกียงโบราณและจักรยานโบราณได้นำสิ่งของล้ำค่ามาเปิดประมูลด้วย ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ต่อไป
“ภายในงานจะมีตะเกียงเจ้าพายุที่สาวนใหญ่ใช้น้ำมันก๊าด ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ส่องสว่างยามนวดข้าวหรือนำไปใช้ในการลงเบ็ดหาปลาตอนกลางคืนตามชนบทต่างๆ และยังมีตะเกียงสีดำชิ้นมีอายุราว 80 ปีถูกนำมาจัดแสดง มีตะเกียงแสงจันทร์ ลักษณะ เป็นตะเกียงน้ำมันก๊าดชนิดหนึ่ง ที่ต้องอัดลมเข้าตัวถังเหมือนกับตะเกียงเจ้าพายุ จะใช้กันตามโรงงิ้วหรืองานวัด เพราะตัวใหญ่ส่องสว่างได้ทั่ว และมักใช้ในงานชุมนุมกันของคนสมัยก่อนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมถึงใช้ในบ้านของเจ้าขุนมูลนาย คหบดี ซึ่งปัจจุบันหาดูได้ยากมาก ซึ่งประเทศไทยเรามักพบเห็นตะเกียงใช้ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นและพบเห็นมากที่สุดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5" นายชัยณรงค์ กล่าว.
